สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) SITHAI ตอนที่ 3

          ครั้งแรกในการซื้อหุ้น SITHAI ผมจำได้ขึ้นใจเลยครับว่าเคยซื้อตอนมีข่าวดีๆ ที่ราคาประมาณ 2.90 บาท (ซื้อมาแล้วขายไปเท่าทุนในตอนนั้น) แต่วันนี้ราคาลดลงเหลือเพียง 1.93 บาท ซึ่งถือว่าต่างกับราคาที่ผมเคยซื้อครั้งแรกเกือบๆ 30% ทีเดียว น่าแปลกอยู่ไม่น้อยเพราะในหุ้นหลายตัวที่ผลประกอบการค่อนข้างขาดทุนและไม่มีปันผลหลายตัวกลับไม่ได้ปรับตัวลงขนาดนี้ หรือว่าเหตุผลทางผลประกอบการ สัญญาณทางด้านเทคนิคก็ตาม แต่เคยมีคนบอกผมว่า  ให้ซื้อธุรกิจที่ดีในเวลาที่แย่ ดีกว่าซื้อธุระกิจที่แย่ในเวลาที่แย่ ตลาดหุ้นบางครั้งก็ไม่มีเหตุผลมารองรับมากนักเวลาที่หุ้นเกิดการปรับตัวด้านขึ้นลงของราคา แต่คราวนี้เราลองมาหาเหตุผลกันดูดีกว่าเผื่อเจอสิ่งที่น่าสนใจครับ  สำหรับบทความนี้เป็นการวิเคราะห์จากความเข้าใจหากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมต้องขออภัยและยินดีน้อมรับคำติชมเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไปครับ โดยขออ้างอิงจากคำอธิบายไตรมาส 1 ปี 2559 นะครับ

รูปที่ 1 สรุปผลการดำเนิน ไตรมา 1/2559
1.สรุปผการดำเนินงาน
        จากหน้าสรุปผลการดำเนินงานด้านขวามือ หากเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2558 เราจะพบว่าในส่วนของกำไรมีการลดลงเยอะพอสมควร งบการเงินรวม จากกำไร 112,610,000 บาท ลดลงเหลือ 48,148,000 บาทกำไรต่อห้นลดลง 0.02 บาท/ห้น และในงบเฉพาะกิจการ ก็ลดลง 0.03 บาท/ห้นเช่นกัน  ถือว่าลดลงเกือบครึ่งว่าแต่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นละ? เราลองมาดูกันดีกว่าครับ 
(งบการเงินรวม หมายถึงรวมทุกบริษัทในเครือต้องนำกำไรที่ได้จากบริษัทลูกที่เหลือมาคำนวณด้วย ส่วนงบเงินการเงินเฉพาะกิจการ คือคิดเฉพาะบริษัทอย่างเดียวครับ)






2. วิเคราะห์ผลการดําเนินงานของไตรมาส 1 ปีพ.ศ. 2559 

รูปที่ 2 กำไรจากการขายตามส่วนงานของไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2559

          ส่วนนี้ผมขอดึงมาแบบสรุปนะครับเพื่อป้องกันการสับสน ให้ดูที่รูปที่ 2 ประกอบครับจากภาพแบ่งเป็น 3 ธุรกิจจะเห็นว่าใน 

  1.ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน เพิ่มขึ้น 
  2.ผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรม ลดลง
  3.สายธุรกิจซื้อมาขายไปและสายงานแม่พิมพ์  ลดลง

กำไรจากการขายตามส่วนงานของไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2559 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ  ปี ก่อน ลดลง 86 ล้านบาท หรือร้อยละ 57.0 


 1.ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 28% โดยอัตรากำไรขึ้นต้นเพิ่มขึ้น ประกอบกับได้รับการสั่งซื้อจากร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ต่อเนื่องจากปีก่อน และการขายสินค้าจาก Srithai Super Outlet ที่มีอัตรากำไรขั้นตอนดี แต่ก็มีส่วนที่ค่าใช้จ่ายและบริหารมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากยอดขาย ตรงนี้หากใครเคยติดตามธุรกิจของ SITHAI จะทราบว่ามีการเปิด Srithai Super Outlet ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อขายสินค้าของบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ซึ่งหากเมื่อดูคำอธิบายในไตรมาสนี้จะพบว่ายอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน มีการเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศซึ่งถือว่าน่าสนใจ เพราะธุรกิจในต่างประเทศเริ่มมีการรับรู้รายได้บ้างแล้ว  

  2.ผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 49.6 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรต่อยอดขายลดลงจากร้อยละ 8.2 เป็นร้อยละ 4.3 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการใช้เครื่องจักรลดลง การปรับราคาขายลงตามราคาวัตถุดิบในงวดก่อนซึ่งมีผลในไตรมาสนี้ขณะที่ราคานํ้ามัน เริ่มปรับขึ้น

  3.สายธุรกิจซื้อมาขายไปและสายงานแม่พิมพ์  ลดลงมีผลขาดทุน 33 ล้านบาท และอัตราขาดทุนต่อยอดขายร้อยละ 68.8 จากการลดลงของยอดขายและกำไรขั้นต้นของทั้งสายธุรกิจซื้อมาขายไปและสายงานแม่พิมพ์เนื่องจากการแข่งขันที่สูงใน ตลาดธุรกิจเครือข่าย และปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่ยังมีค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมและรายการส่งเสริมการขาย เพื่อเน้นการ ระบายสินค้าคงคลัง และเป็นการสร้างสมดุลของอายุสินค้าคงคลังให้เหมาะสม 

3.การจัดการความเสี่ยง (จุดเด่น) 
          1.ด้านวัตถุดิบ การวางแผนซื้อวัตถุดิบทั้ง ด้านปริมาณและราคา โดยคํานึงถึงช่วงเวลาที่สมควรสังซื้อด้วย ตลอดจนการปรับราคาขายสินค้ากบลูกค้าเป็นระยะๆ

          2.ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากกลุ่มบริษัทมียอดขายส่งออกเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 20 และมีการนําเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักร และอุปกรณ์การผลิตจากต่างประเทศ การบริหารความเสี่ยงที่กลุ่มบริษัทดําเนินการอยู่เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดผลกระทบจากการพึ่งพาเงินสกุลใดสกุลหนึ่งมากเกินไป ดังนี้

          • เน้นการขายหรือซื้อสินค้าด้วยสกุลเงินที่หลากหลายขึ้น
          • ขายสินค้าเป็นสกุลเงินบาท สําหรับลูกค้าบางประเทศและบางราย
          • เจรจากับลูกค้าหลักขอปรับราคาขาย เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนอย่างมีนัยสําคัญ
          • ทําสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบตามความเหมาะสมและโอกาส
          • บริหารกระแสเงินสดรับและจ่ายเงินตราต่างประเทศให้มีความสมดุล (Natural Hedge)

          3.การลงทุนในต่างประเทศ กลุ่มบริษัทมีนโยบายบริหารความเสี่ยงของการลงทุนในต่างประเทศ โดยจะพิจารณาโอกาสทางธุรกิจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โครงสร้างของต้นทุนทางธุรกิจ กฎหมายและระบบการเงินการธนาคาร และเสถียรภาพทางการเมืองเป็นสําคัญ

          4.การบริหารเงินทุน กลุ่มบริษัทมีการลงทุนขยายธุรกิจอยางต่อเนื่องทุกปี ดังนั้นเงินทุนจึงมีความสําคัญ ทั้งแหล่งเงิน ซึ่งมาจากเงินสด จากการดําเนินงานและเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ รวมถึงต้นทุนทางการเงิน แม้ว่ากลุ่มบริษัทจะพึ่งพาแหล่งเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์เท่านั้น แต่ก็มีการกระจายความเสี่ยง ดังนี้

          • จัดหาจากธนาคารพาณิชย์ที่หลากหลาย ขึ้นอยูกับข้อเสนอและเงื่อนไขทางการเงินที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลาที่จัดหาเงินทุน
          • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีทั้งคงที่และลอยตัว
          • อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อ้างอิงหลายเกณฑ์
          • กู้เป็นสกุลเงินในประเทศเป็นหลัก เพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และกำหนดเงื่อนไขการกู้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน หรือให้การคํ้าประกัน ยกเว้นเฉพาะกรณีพิเศษที่มีผลให้ต้นทุนทางการเงินตํ่าลง

4. เหตุการณ์สําคัญในไตรมาส 1 ปีพ.ศ. 2559 ในไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2559

1. การลงทุนในบริษัทย่อย 
  • Srithai Superware Manufacturing Private Limited (“SSMP”) SSMP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 600 ล้านอินเดียรูปี (403 ล้านบาท) เป็น 720 ล้านอินเดียรูปี 
  • Srithai (Hanoi) Company Limited สรุปการลงทุนใน Srithai (Hanoi) Company Limited โดย Srithai (Vietnam) Company Limited เพิ่มทุนในไตรมาส 150,000 ล้าน VND รวมทุน ณ 31 มี.ค. 59 320,000 ล้าน VND
2. การด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อย
  • ผู้บริหารของบริษัทได้ประเมินและเห็นสมควรให้รับรู้ค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทยอย ่ SSI ในข้อมูล ทางการเงินเฉพาะบริษัทจํานวน 6 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มอัตราการเติบโตของยอดขายที่ลดลงจากประมาณการเดิมทํา ให้ผลประกอบการเป็ นขาดทุนสะสมเพิ่ มขึ้น
3. การจ่ายเงินปันผลของบริษัทย่อย บริษัท โคราช ไทย เทคจํากัด จำนวน 81 ล้านบาท

4. การจ่ายเงินปันผล 
  • ในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจําปี ของบริษัทเมื่อวันที่ 29เมษายน พ.ศ. 2559 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมี มติอนุมัติเสนอให้จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เป็ นจํานวนเงินรวม 271ล้านบาท และมีกาหนดจ่าย ชําระในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
จากข้อมูลทั้ง 3 บทที่ผ่านมา เราควรลงทุนหรือไม่ผู้อ่านควรตัดสินสินด้วยตนเองครับ  บางท่านอาจรอจังหวะอีกหน่อยเพื่อลงทุน,เริ่มทะยอยสะสม,หรือรอปัจจัยทางด้านเทคนิคอันนี้ทุกท่านคงต้องรอตัดสินใจดูครับ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น