คำถามที่มักพบเมื่อต้องมีการตัดสินใจแต่งงานกันนั้นก็คือ ควรจดทะเบียนสมรถดีไหม? หากพูดถึงความรักระหว่างหนุ่มสาวการแต่งงานนั้น นอกจากการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ในหลายๆ หลายคู่มักจะจดทะเบียนสมรสกัน แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรถกันก็ได้ โดยเฉพาะคู่รักสมัยใหม่แค่รักกันก็พอ และในช่วงชีวิตผมที่ผ่านมาผมเองก็มีโอกาสได้เห็นคู่รักหลายคู่ที่สุดท้ายฝ่ายหญิงต้องนอนกอดทะเบียนสมรส พร้อมได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเมียหลวงเพียงในนามนี้คงเป็นสาเหตุที่ทำให้การตัดสินใจจดทะเบียนสมรสต้องมีการคิดอย่างหนักไม่น้อย พอๆ กับการตัดสินใจที่จะเลือกใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตของเรา เพราะต้องคิดให้รอบด้านเพราะบางครั้งการจดทะเบียนสมรสอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคู่ที่ตัดสินใจแต่งงานกัน และก่อนการที่จะตัดสินใจว่าจะจดทะเบียนสมรสหรือไม่นั้นจึงต้องมีการคิดให้รอบด้านจริงๆ ก่อนการตัดสินใจ
เหตุผลด้านหนี้สินและธุรกิจ หลายคู่มีความกังวนเรื่องของหนี้สินที่เกิดขึ้นภายหลังจากจดทะเบียนสมรส เพราะไม่ต้องการมีพันธะผูกพันด้านหนี้สินซึ่งกันและกัน ถึงแม้ในการกู้ยืมเงินต่างๆ ต้องมีการให้คู่สมรสยินยอม จากตัวอย่างที่ผมพบเห็นมาคือ หลายๆ คู่ก็จดทะเบียนหย่ากันภายหลังเพื่อหาทางออกด้านภาระหนี้สิน แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่สามีหรือภรรยาเมื่อจดทะเบียนสมรถกันแล้วเกิดแยกกันอยู่ แล้วอีกฝ่ายไปสร้างหนี้ทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลไว้จำนวนมาก ทำให้อีกฝ่ายพบปัญหากลืนไม่เอาคายไม่ออก เพราะเหมือนเป็นหนี้สินร่วมกันตามมาทำให้การทะเลาะกัน ถึงขั้นตัดขาดต้องฟ้องหย่ากันเพราะกลัวภาระหนี้สินที่อีกฝ่ายหนึ่งก่อไว้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเหตุผลทางธุรกิจด้วยทำให้หลายคู่มักจะนิยมไม่จดทะเบียนสมรสกัน เผื่อในกรณีธุรกิจมีปัญหาและไม่ต้องการให้มีภาระผูกพันถึงทรัพย์สินของครอบครัว
เหตุผลด้านสินสมรส เพราะเราต่างทราบกันดีว่าทรัพย์สินที่เกิดขึ้นภายหลังจากการจดทะเบียนสมรสนั้นทางกฎหมายถือว่าเป็นสินสมรส ทั้งคู่ต่างมีสิทธิเท่ากันในสินสมรสนั้นเอง ในกรณีนี้หากทั้งสามีและภรรยาสามารถหาเงินเดือนได้พอๆ กัน มักจะไม่พบปัญหาเรื่องการจดทะเบียนสมรส แต่หากอีกฝ่ายสามารถหารายได้ได้มากกว่านั้นก็อาจเป็นเหตุผลสำหรับบางคู่ที่ทำให้ไม่อยากจดทะเบียนสมรสกับอีกฝ่าย หลายๆ คนอ่านมาตรงนี้คงเกิดคำถามว่า หากอีกฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัวขนาดนี้คงไม่แต่งงานด้วยแน่ๆ แต่ก็มีอีกหลายคู่ครับที่แต่งงานกันไปแล้วจึงค่อยมาจดทะเบียนสมรสกันเพราะการศึกษาดูใจกันไม่ใช่แค่ก่อนแต่งงาน ในหลายๆ คู่การดูใจกันก็เริ่มขึ้นหลังจากแต่งงานไปแล้ว เพื่อดูว่าทั้ง 2 ฝ่าย สามารถใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันได้หรือไม่ จึงทำให้มีอีกหลายคู่มีความคิดที่จะจดทะเบียนสมรสหลังจากที่แต่งงานซักระยะหนึ่ง แต่ก็มีอีกหลายคู่นะครับที่มองข้ามเรื่องรายได้ที่มากกว่าน้อยกว่านี้ไปและถือว่าทรัพย์สินที่หามาได้นั้นเป็นของกันและกัน เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้มีแนวคิดต่างๆ เกิดขึ้นมากมายครับ
เหตุผลด้านความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน แปลกแต่จริงครับที่หลายๆ คนมีแนวคิดแบบนี้ ว่าการจดทะเบียนสมรสคือการเป็นเจ้าของกันและกันในทางกฎหมาย ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของลูกๆ หากมีปัญหาภายหลังจะได้ฟ้องหย่าเรียกค่าเลี้ยงดู เพื่อป้องกันการนอกใจของอีกฝ่ายเพราะแรกรักอะไรๆ ก็มักจะดูดีไปหมดเมื่อยามรักกัน แต่เมื่อหมดรักกันแล้วลูกๆ จะอยู่อย่างไร และเพื่อป้องกันอีกฝ่ายไปจดทะเบียนสมรสกับคนอื่นทรัพย์สินที่หามาได้อาจตกไปเป็นของของบุคคลคนอื่นแทน ส่วนเราอาจกลายเป็นสามีหรือภรรยานอกสมรสแทนจึงเป็นการป้องไว้ไว้ดีกว่าแก้ ทั้งหมดนี้คือเหตุและผลเพื่อตอบคำถามที่ว่าเราควรจดทะเบียนสมรสหรือไม่? เพราะหลายคนมองเช่นเดียวกับผมว่า การจดทะเบียนสมรสคือการตัดสินใจแล้วว่าเราจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน หากเราคิดถึงแต่ตัวเองกลัวโน้น กลัวนี้กลัวจะเสียผลประโยชน์หรือกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์มากกว่ากัน ซึ่งก็แล้วแต่เหตุผลและวิธีคิดของแต่ละคน หากเราสามารถมองข้ามความเห็นแก่ตัวออกไปได้และมองในพื้นฐานของความรัก คิดถึงผลประโยชน์ของชีวิตคู่มองกว่ามองที่ประโยชน์ร่วมกันแล้ว การจดทะเบียนสมรสก็อาจไม่สำคัญก็ได้
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรคงไม่สามารถฟันธงไปได้อย่างแน่ชัดว่าการจดทะเบียนสมรสดีหรือไม่ แต่สำหรับมุมมองของผู้หญิงผมมองว่าเป็นการสร้างความมั่นใจในชีวิตคู่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามความรักและความเอาใจใส่ซึ่งกัน การรวมทั้งการไม่เห็นแก่ตัว การดูแลซึ่งกันและกันสำคัญที่สุดครับสำหรับการใช้ชีวิตคู่ต่างหาก
แมนๆ เตะบอล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น