สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

เลือกซื้อของใช้ส่วนตัวในแต่ละเดือน...อย่างไรให้ประหยัดล่ะ

          ของใช้ส่วนตัวคืออะไร ในนิยามของผมของใช้ส่วนตัวคือ ของใช้ที่ผมต้องซื้อทุกเดือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือพวก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด แป้ง โคโลน ครีมทาผิว ฯลฯ จากรายการข้างต้นจะว่าไปแล้วเดือนๆ หนึ่งผมก็หมดกับของใช้พวกนี้เยอะเหมือนกันนะนี้ แต่จะทำไงได้ละครับ อาบน้ำไม่ใช่สบู่ หรือไม่แปรงฟัน ผมก็คงทำไม่ได้หรอกครับ โตๆกัน ลองไม่อาบน้ำไปทำงานสิครับ เพื่อนร่วมงานจะได้หนีหมด ฉะนั้นของใช้ส่วนตัวจึงเป็นอะไรที่ต้องซื้อบ่อยและใช้แล้วหมดไป ถือเป็นสินค้าสิ้นเปลื้องตัวหนึ่งเลยครับ


         เคยมีคนบอกผมว่า วิธีที่ประหยัดที่สุดในการไปซื้อของใช้ส่วนตัว  คือให้ไปซื้อในห้างสรรพสินค้าครับ เพราะราคาถูกกว่าร้านสะดวกซื้อ ไปซื้อแต่ละครั้งก็กะๆ เอาให้ใช้ได้ซัก 1-2 เดือน นี้แหละประหยัดสุดแล้ว แต่ผมพบว่าพอไปซื้อตามนั้นจริงๆ จากการไปซื้อหลายๆครั้งของผม ขนาดว่าอยู่ตัวคนเดียว ยังหมดครั้งละเป็นพัน แถมของที่ได้บางอยางก็ไม่จำเป็นเท่าไร ไหนจะค่ารถ เวลาที่ต้องเสียไป ไหนจะต้องหอบหิ้วของที่ซื้อเยอะแยะมากมายขึ้นรถประจำทางกลับมาห้องอีก หากพอมีเวลาคิดอยากจะเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ามันก็แก้เบื่อ แก้เหงาได้อยู่ครับ แต่หากแค่ต้องการแค่ไปซื้อของ วันหยุดของเราก็หมดไปแล้วหนึ่งวัน (วันอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก) จะมีทางไหนไหมที่คิดว่าน่าจะสะดวกกว่านี้ไหมนะ   ผมจึงเริ่มคิดวิธีใหม่ครับ เริ่มจากเราควรจะทำรายการก่อนครับว่าเดือนนี้ในห้องเรามีของใช้ส่วนตัวอะไรบ้างที่ใกล้หมด ซึ่งปริมาณที่จะใช้ในแต่ละเดือนเราก็พอทราบอยู่แล้วว่าเราใช้เท่าไรถึงจะพอ เช่น สบู่ผมใช้สัปดาห์ละก้อน ( อาบด้วยกินด้วยในก้อนเดียวกัน) ก็ประมาณได้ว่าเดือนละ 4 ก้อน แต่ไม่ต้องทำรายการละเอียดขนาดนั้นครับเริ่มง่ายๆ เอาแค่รายการก่อน จดไว้ว่าต้องการซื้ออะไรบ้างครับในเดือนนี้ ยกตัวอย่าง อย่างเดือนนี้ ของใช้ที่หมดก็มีแค่ สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ส่วนพวกแป้ง ยาสระผม ครีมทาผิวอะไรพวกนี้ ยังน่าจะใช้ได้อีกเดือนครับ เลยทำรายการไว้แค่นี้ก่อน

           เลิกงานเราก็ลองไปดูที่ร้านสะดวกซื้อครับ ...... ใช้แล้วครับร้านสะดวกซื้อ อ่านไม่ผิดหรอกครับ ร้านสะดวกซื้อแถวบ้านคุณนั้นแหละครับ หลายคนอาจคิดว่า อ้าวแล้วมันไม่แพงกว่าหรอแบบนี้  อันนี้อยากให้ลองสังเกตครับ ร้านสะดวกซื้อเดี๋ยวนี้มีแทบทุกซอย หรือแทบจะอยู่ติดกันไม่ว่าจะเป็น Big C, top supermarket 7-ELEVEN,Tesco Lotus ที่อยู่ในรูปแบบร้านสะดวกซื้อ  เพราะพวกนี้มีจัดโปรโมชั่นกันเยอะมาก ลดราคาครับ ไม่แพ้ตามห้างใหญ่ๆเลย แต่รายการปกติอันนี้แพงกว่าแน่นอนเท่าที่ลองสังเกต ของใช้ส่วนตัวเช่น น้ำยาซักผ้าที่โดยมากเราใช้ยี่ห้อไหนก็ได้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลต่อเราโดยตรงเหมือนพวกครีมทาผิว ที่เราต้องเลือกให้เหมาะกับเราครับ ฉะนั้นยี่ห้อไหนก็ได้จริงไหมครับ เพราะของใช้ส่วนตัวบางอย่าง เราก็สามารถที่จะไม่เน้นยี่ห้อของมันได้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักผ้ายี่ห้อไหนถูกยี่ห้อไหนลดราคา ยี่ห้อไหนซื้อ 1 แถม 1 เอายี่ห้อนั้นครับ ฮ่าๆ


          จากรูปก็พบว่าเกินรายการที่ต้องการมาบ้าง เช่น พวกขนมก็แบบมันลดราคานี้ครับ แต่จากยอดผมก็ประหยัดได้ไปประมาณ 141 บาทครับ (อันนี้เช็คแล้วครับแต่ใบเสร็จบอกแค่ว่ารายการไหนลดบ้าง แต่บอกไม่ละเอียดว่าลดลงเท่าไร) จ่ายจริงคือประมาณ 506 บาทครับ ก็พอที่จะหอบหิ้วมาไหวอยู่ นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับมาห้อง 10 บาท ของที่ลดราคาก็คือพวกน้ำยาปรับผ้านุ่มกับน้ำยาซักผ้าอันนี้ลดนิดหน่อยครับ ไม่กี่สิบบาท อันที่ลดเยอะๆก็คือยาสีฟันอันนี้ลดเกือบครึ่งราคา ขนมก็ซื้อห่อแถมห่อ อดไม่ได้จริงๆยี่ห้อนี้อร่อยครับซื้อไปกินที่ทำงานพรุ้งนี้ดีกว่า ส่วนไก่นี้มื้อเย็นครับ (กินสุกนะครับขอคิดก่อนว่าจะเอาไปทำอะไรดี) แถมได้แต้มด้วยประมาณ 20 แต้มแล้วเพราะผมเพิ่งสมัครสมาชิกมาครับ ซื้อของแล้วอย่าให้เสียโอกาสครับหากให้สมัครฟรีให้รีบสมัคร




        และที่เด็ดที่สุดนั้นก็คือ,,,,,,,,,,ซื้อครบ 350 บาท ได้ตะกร้าผ้าครับ แม่เจ้า อกอีแป้นจะแตก ตื่นเต้นก็อีตรงนี้ แหละมีให้เลือก 3 สีครับ มีฟ้า ชมพู เขียว ผมก็แมนๆ เตะบอลครับ เอาสีชมพู เฮ้ยย..... ไม่ใช้ครับ เอาสีเขียวครับ ว่าแล้วเอาของที่ซื้อทุกอย่างใส่ตะกร้ามาเลย ให้คิดๆ ก็ใบนี้น่าจะซัก 40-50 บาทได้ ดีกว่าตะกร้าใส่ผ้าที่ห้องแน่นอน เอาละวันนี้ซื้อของเยอะหน่อย ได้ครบเลยเดือนนี้แถมได้ส่วนลดพร้อมตะกร้าผ้ามาอีกต้องใบ บางที่เราก็ไม่จำเป็นหรอครับที่ต้องไปซื้อในห้างใหญ่ ห้างมินิ หรือร้านสะดวกซื้อก็มีส่วนลดเหมือนกัน เย็นๆเลิกงาน ไงก็เเวะซื้อของกินอยู่แล้วดูๆ ไว้ก่อนสิ้นเดือนค่อยมาซื้อครับ ร้านนี้ไม่ลดเราก็ไปซื้อร้านอื่น อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัดครับ เคยมีคนบอกผมว่าหากเราเพิ่มรายได้ของเราไม่ได้ ให้เราลดรายจ่ายครับ เพราะหากเราประหยัดได้ 1 บาท ก็เท่ากับว่าเรามีรายได้เพิ่ม 1 บาทนั้นเอง


            สุดท้ายนี้ก็ร่วมกันอำลาอาลัยตะกร้าผ้าใบเก่าครับ ใบนี้ผมใช้มาตั้งแต่ปี 2549 ครับ นี้ก็ปี 2558 แล้วถึงเวลาอันสมควรของอายุการใช้งานแล้วครับ ตัวตะกร้าเริ่มผุ เริ่มกรอบ แถมก้นตะกร้ามีรูแล้วด้วย เรื่องของรูตะกร้านี้มาจากสมัยเรียน (คือเขินครับใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย) เพื่อนครับ ไปซื้อหน้าไม้มา เสร็จว่าจะลองหน้าไม้กัน แต่อยู่หอครับ จะยิงไปก็กลัวกระเด็นไปถูกคนอื่น เลยมาลองกับตะกร้าผ้าผมซะเป็นรูเลย แต่ก็ใช้มาตั้งเกือบ 10 ปี คิดแล้วก็ใจหายจริงๆครับ



หมายเหตุ : ซื้อสินค้าและบริการจาก top supermarket 












แมนๆ เตะบอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น