สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประกันชีวิตกับจุดเปลี่ยนในการออม

         ช่วงแรกในการทำงานของผมต้องยอมรับว่าเงินเดือน  น้อยมากๆ แต่ผมก็พยายามแล้วพยามอีก จะมีเงินออมให้ได้ โดยผมได้เริ่มเก็บโดยอาศัยกองทุนรวม คือเงินเดือนผมผ่านธนาคารกรุงเทพครับ แล้วกองทุนของธนาคารกรุงเทพสามารถเริ่มต้นซื้อขั้นต่ำได้เดือนละ 1,000 บาท ผมเลยเลือกที่จะออมวิธีนี้ โดยการเก็บเล็กผสมน้อยของผมอยู่หลายปี แต่ก็มีบ้างที่ผมต้องขายกองทุนออกไปเพราะความจำเป็นต้องใช้เงิน บางทีเมื่อครอบครัวโทรมาขอก็มีอันต้องขายออกไปบ้าง แต่โดยรวมก็พยายามเก็บครับ โดยออมไว้ในกองทุนรวมนี้แหละ หลายปีผ่านไปผมอดดีใจไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นก้อนเล็กๆของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมซื้อโดยศึกษาตัวกองทุนเป็นอย่างดีและซื้อมันมาเรื่อยๆ โดยปีหลังๆ ผมก็เพิ่มเป็นปีละ 2,000 บาท ผมจำได้ดีว่าช่วงน้ำท่วม น่าจะประมาณปี พ.ศ. 2554 ผมซื้อเพิ่มขึ้นเยอะเลย จากการที่มีเงินสดในมือเยอะพอสมควร อันนี้ไม่ได้ชี้นำนะครับ กองทุนที่ผมซื้อคือตัวกองทุนรวมบัวแก้ว จำได้ว่าช่วงน้ำท่วม ผมผมซื้อมันได้ถูกมาน่าจะที่ 16 บาท ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยผมลดลงไปมากครับ แล้วกองทุนตัวนี้ก็ขึ้นมาที่ 25 บาทหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมไปผ่านพ้นไป

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เงินเดือนเท่าไรก็ไม่เคยพอ

          สมัยที่ผมเรียนจบใหม่ๆ  ผมเคยคิดนะครับว่าหากได้เงินเดือนซัก 13,000 บาทละก็มันคงเป็นสวรรค์ของผมชัดๆเลยทีเดียว (ประมาณปี พ.ศ. 2552) เพราะผมแทบไม่เคยสัมผัสคำว่ามนุษย์เงินเดือนจริงกับเขาซักทีเคยแต่อย่างดีก็พนักงาน Part-time ค่าแรงชั่วโมงละ 20 กว่าบาท ซึ่งทำงานจริงๆก็วันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง แต่มันก็มากสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยจับเงินก้อนโตขนาดนั้น และเมื่อใกล้เรียนจบผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ กับความฝันที่จะได้รับเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจริงๆซักที โดยไม่ต้องขอที่บ้าน ซึ่งคราวนี้แหละผมเองจะเป็นคนส่งให้ที่บ้านเอง 


วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เงินของผมหายไปเพราะมือถือเครื่องใหม่


         วันนี้ผมคงต้องซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่อีกแล้ว เนื่องจากโทรศัพท์มือถือ ais lava 4.0 ที่ผมซื้อมา 2,500 บาท มีอาการเหมือนจะลาโลก เพราะมันท้ังช้าและเครื่องรวนสารพัดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมจึงลองนั่งคิดอยู่นานว่า นานเท่าไรแล้วที่โทรศัพท์มือถือก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของผม แต่เท่าที่ผมนึกออกโทรศัพท์มือถือในชีวิตผมเปลี่ยนมาแล้วหลายเครื่อง ผมจึงนั่งคิดต่อไปว่าในชีวิตของผมใช้มันไปแล้วกี่เครื่องแล้วมันเป็นเงินเท่าไรแล้ว พอดีวันนี้ได้มีโอกาสลองรื้อตู้เก็บของแล้วเจอมือถือเก่าๆ หลายเครื่องที่ผมไม่ได้ตัดใจให้คนในครอบครัวหรือขายเป็นมือ 2 ไป ผมลองนั่งคิดเล่นๆ ถึงช่วงชีวิตที่ผ่านในสมัยวัยรุ่น ที่มือถือเป็นเหมือนเครื่องมือวัดระดับคุณค่าของตัวผู้ใช้ ทุกวันนี้มันเหมือนตัวชี้วัดฐานนะทางสังคมกันเลยทีเดียว เท่าที่ผมคิดออก ช่วงปี 2546-2558 ประมาณ 13 ปี เริ่มตั้งแต่ศึกษาชั้น ปวช.1 จนถึงจับปริญญาตรีและทำงานมาแล้วอีก 6 ปี ของผม