สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) SITHAI ตอนที่ 2


        จากตอนที่ 1 มาถึงตอนที่ 2 ผมคิดอยู่นานครับ  ว่าจะเริ่มเขียนตอนที่ 2 ดีไหมเพราะหากใครเคยติดตามราคาของหุ้นตัวนี้ก็พอจะทราบดีว่านับจากต้นปีที่แล้วนั้นคือปี พ.ศ. 2558 หุ้น SITHAI มีแนวโน้นเป็นขาลงมาตลอดและยังไม่มีทีท่าว่าจะมีราคาของหุ้นปรับตัวดีขึ้น  ใจหนึ่งเพราะการเขียนบทความก็กลัวเป็นการชี้ชวนให้เพื่อนๆ  ที่ได้อ่านบทความซึ่งบางท่านอาจจะลงทุนหรือบางท่านอาจจะเกร็งกำไรอาจขาดทุนได้จากส่วนต่างของราคาครับ  ส่วนหนึ่งเพราะผลประกอบการของ SITHAI ดูเหมือนมีผลกำไรน้อยลงและประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว  ทำให้ราคาหุ้นมีการสะท้อนออกมาให้รูปของราคาที่ลดลง  แต่ผมขอสารภาพตามตรงว่าผมเองลงทุนและยังสนใจในพื้นฐานของหุ้นตัวนี้อยู่  อาจเป็นเพราะช่วงชีวิตของผมทำงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมมาโดยตลอดทำให้อาจมีความเข้าใจในหุ้นกลุ่มนี้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ  วันนี้จึงขอกลับมาเขียนบทความต่อครับ  แต่ราคาที่จะลงทุนหรือเกร็งกำไรนั้นเราต้องศึกษากันอีกครั้งครับ  แต่ผมอยากให้บทความของผมเป็นอีกแนวทางหนึ่งเพื่อช่วยในการตัดสินใจ  เพราะการที่เราจะลงทุนหรือไม่นั้นผู้ลงทุนควรเป็นคนที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองครับ



         เริ่มต้นครั้งแรกที่รู้จักสินค้าของศรีไทยซุปเปอร์แวร์ มาจากตอนเด็กๆ ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้วแม่ของผมซื้อชุดจานเมลามีนมา 1 ชุดครับ จำได้คราวๆ ว่าสั่งมาจากแคตตาล็อก ผมในฐานนะคนล้างจานประจำบ้านทรายทองหลังนี้  ผมคิดว่าจานพวกนี้ดูแปลกด้วยลักษณะที่ค่อนข้างสวยและทนทาน ที่สำคัญตอนล้างทำหล่นก็ไม่แตก  ต่างจากจานพลาสติกหรือจานกระเบื้อง  แต่เราก็ใช้เฉพาะโอกาสพิเศษเช่น ไปทำบุญหรืองานต่างๆ ผ่านมาแล้วหลายปีจานชุดนี้ก็ยังอยู่  แต่ก็เริ่มมีหายไปบ้างบางชิ้น นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักสินค้าของศรีไทยซุปเปอร์แวร์


         เมื่อเริ่มโตขึ้นเรียนจบทำงานผมก็ต้องแยกย้ายมาเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่เอง ตอนนั้นผมเลือกใช้จานพลาสติกครับ (ตามฐานนะ) จนลืมเรื่องจานเมลามีนไปหมดแล้วเพราะมีอะไรก็ใช้แบบนั้น ชีวิตการทำงานของผมก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งผมเริ่มรู้จักกับการลงทุนในหุ้น  ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีหุ้นอยู่มากมายหลายร้อยตัว  ผมก็ซื้อตัวนั้นขายตัวนี้ไปเรื่อยๆ  แต่ก็เลือกเอาเฉพาะจากสิ่งที่เรารู้จักพวกหุ้นตัวใหญ่ๆ  แต่สิ่งหนึ่งที่ผมชอบก็คือ  พยายามคิดว่าของที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน  ที่เรากินเราใช้มีตัวไหนสามารถซื้อขายหุ้นบริษัทเหล่านี้ในตลาดหลักทรัพย์ได้บ้าง นั้นคือสิ่งที่ผมสนุกการค้นหาหุ้นต่างๆ เหล่านี้  และจากการที่ผมเริ่มสังเกตสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเหล่านี้  จนทำให้ผมได้ลองสังเกตจานตามร้านอาหารที่ไปทานตอนเงินเดือนออกและพบว่า  เกือบทุกร้านใช้จานศรีไทยซุปเปอร์แวร์ นั้นคือจุดประกายของผมว่าธุรกิจนี้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ เผื่อได้มีโอกาสได้ลงทุนบ้าง

          จากการดูธุรกิจของศรีไทยซุปเปอร์แวร์จากบทที่ 1 ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยครับ เพราะทั้ง บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม,ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน,ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม,สายงานแม่พิมพ์ ฯลฯ ถือว่ามีสินค้าที่หลากหลายไม่ได้มีเฉพาะเมลามินอย่างเดียวแบบที่คิดและที่น่าสนใจคือ ผลิตภัณฑ์จำพวกเมลามีนเพราะเป็นสินค้าที่มี Margin ที่สูง แต่มีสัดส่วนรายได้แค่ประมาณ 30% แต่สินค้าจำพวกพลาสติก ทำรายได้ในสัดส่วนประมาณ 65% ที่น่าสนใจสำหรับผมคือบรรจุภัณฑ์แช่แข็งในร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-11 และขวดน้ำดื่มซึ่งศรีไทยซุปเปอร์แวร์ก็เป็นผู้ผลิตตรงนี้ด้วย ดังนั้น จานเมลามิน,บรรจุภัณฑ์อาหารแช่เย็นและแช่แข็ง,บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม หลักๆ 3 ตัวนี้ดูน่าสนใจไม่น้อยครับ ว่าแล้วเราลองมาดูข้อมูลของบริษัทจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์กันบ้างครับ ว่าน่าสนใจหรือไม่ 

จากข้อมูลในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 16/5/59 (อ้างอิง) 

          ตรงนี้ในความเป็นจริงนักลงทุนหลายๆ ท่านอาจดูอย่างละเอียดทุกหัวข้อแต่ผมจะพิจารณาตามแนวทางของผมซึ่งอาจจะไม่ละเอียดมากนักเป็นการดูคราวๆ เพื่อศึกษาความน่าสนใจประมาณนี้ครับ ข้ออนุญาตอธิบายตามหัวข้อเลยนะครับ (คำอธิบายต่างๆ ของกล่าวถึงเพียงคราวๆ นะครับ)
  1. ส่วนของผู้ถือหุ้น  สังเกตง่ายๆ ว่ามีการเพิ่มขึ้นทุกปีอันนี้ถือว่าดีครับ หากลองดูเทียบกับบริษัทที่ผลประกอบการขาดทุนจะเห็นว่าส่วนของผู้ถือหุ้นนี้ลดลงเรื่อยๆ จนกลับกลายเป็นติดลบในที่สดครับ ฉะนั้นส่วนผู้ถือหุ้นหากเพิ่มขึ้นถือว่าใช้ได้จริงผ่านในข้อนี้
  2. มูลค่าหุ้นที่ชำระแล้ว ส่วนนี้ผมจะดูว่าบริษัทมีการเพิ่มทุนบ่อยแค่ไหนมากหรือน้อย ตรงนี้หากเห็นตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ ว่ามูลค่าของหุ้นที่ชำระแล้วเพิ่มขึ้นมาจากสาเหตุอะไร ในหลายบริษัทที่ผลประกอบการขาดทุนแน่นอนครับย่อมมีการเพิ่มทุน ซึ่งทั้งเพิ่มทุนแบบเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม หรือเพิ่มแบบเฉพาะเจาะจง PP ต้องดูด้วยครับว่าคนที่ถือมาก่อนหน้าเราทุนเท่าไร  หรือบางครั้งอาจมีแค่การปันผลมาเป็นหุ้น ตรงนี้ SITHAI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่มีการเพิ่มทุนหรือปันผลออกมาเป็นหุ้นเลย ถือว่าผ่านครับ
  3. กำไรสุทธิ/กำไรต่อหุ้น (บาท) ตรงนี้กำไรถือว่าลดลงครับ ทั้งกำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้นบางคนอาจจะขอผ่านเลยครับหากจะลงทุนในบริษัทที่กำไรลดลงแบบนี้ แต่อันนี้โน็ตไว้ก่อนครับ เดี๋ยวมาดูเพิ่มเติมกันว่าเกิดจากอะไร แต่กำไรลดลงลักษณะนี้ไม่น่าเกียจธุรกิจยังสามารถเดินต่อไปได้ แต่เราต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม (เดี๋ยวข้ออธิบายเพิ่มเติมนะครับ ตอนนี้ขอข้ามไปก่อน)
  4. อัตรากำไรสุทธื สำหรับ SITHAI นั้นกำไรถือว่าน้อยครับแต่ไม่ถือว่าน้อยมากครับ เพราะลองดูในส่วนของรายได้ย้อนหลังไปหลายๆ ปี รายได้ถือว่าเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ลักษณะของสินค้า SITHAI ไม่ได้เป็นสินค้าที่ผูกขาดเหมือนหุ้นหลายๆ ตัวครับ สินค้าออกแนวโภคภัณฑ์
  5. PE/PBV/มูลค่าหุ้นทางบัญชี  เริ่มจาก PE ตามที่เราทราบ PE ยิ่งต่ำยิ่งถือว่าเหมาะสมกับการลงทุน ตอนนี้ PE อยู่ที่ 12.30 ถือว่าค่อนข้างต่ำครับ ส่วน P-BV อยู่ที่ 1.16 เท่า และมูลค่าหุ้นทางบัญชี ตรงนี้ถือว่าไม่แพงครับ ณ. วันนี้เพราะราคาของหุ้นมีการปรับตัวลงมาพอสมควร 
  6. อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) สำหรับนโยบายเงินปันผล SITHAI มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิประจำปีตามงบการเงินเฉพาะบริษัท และบริษัทฯต้องไม่มีผลขาดทุนสะสมเท่านั้น จากข้อมูลย้อนหลังถือว่ามีการปันผลอยู่เกรณฑ์ที่ดีครับ (ปันผลมากกว่าเงินเฟ้อ) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-5%

        ในวันนี้หุ้น SITHAI หรือบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ในส่วนของราคานั้นได้ปรับลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ หากสนใจลองติดตามราคาในพอตไว้ก่อนได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบมาต่อในตอนที่ 3 นะครับ เราลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ   

แมนๆ เตะบอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น