นานมาแล้วผมเริ่มออมเงินโดยการเก็บเล็กผสมน้อยครับ โดยเริ่มออมจากเหรียญที่เป็นเศษจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน. เมื่อได้เยอะมากๆ ผมก็จะนำเหรียญเหล่านี้นับใส่ถุงละร้อยไปฝากธนาคารออมสินแล้วก็นำไปซื้อสลากออมสินใบละ 1,000-2,000 บาท (สลากออมสิน 3 ปีหน่วยละ 50 บาท) หลังมานี้ก็เอาเงินจากการขายสลากไปซื้อหุ้นไว้บ้างแต่ก็ยังทำเช่นนี้เป็นประจำครับ สิ่งหนึ่งที่ผมพบและคิดว่าเป็นปัญหาคือการนำเหรียณไปฝากธนาคารนั้นเริ่มเป็นสิ่งที่ไม่สะดวกเอาเสียเลยสำหรับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างผม
ทำไมถึงไม่สะดวก? เพราะการนำเหรียณไปฝากธนาคารนั้น ผมต้องนำเหรียญไปฝากในวันธรรมดา ที่สาขานอกห้างเพราะสาขาในห้างสรรพสินค้ามีคนไปใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งไม่สะดวกหากเราจะนำเงินไปแล้วต้องให้พนักงานนับเหรียญให้ โอกาสไปธนาคารในวันธรรมดามันชั่งน้อยมากในรอบหนึ่งปีของชีวิตมนุษย์เงินเดือน. เพราะในวันหยุดของเราธนาคารก็หยุดเช่นเดียวกับเราเหมือนกันครับ นั้นคือเหตุผลให้ผมเริ่มที่จะหาแนวทางใหม่ในการออมเพื่อให้ผมสะดวกขึ้น.
ผมจึงเริ่มใหม่โดยการพยายามใช้เงินเหรียญที่ได้ในชีวิตประจำวันแทนแล้วมาออมธนบัตรใบละ 50 บาทแทน. แรกๆ ต้องยอมรับเลยครับว่าลำบากหนักกว่าเดิมอีกเพราะผมเอาเงินเหรียญใส่รวมกับกระเป๋าสตงค์แบงค์ไปเลย ใส่รวมกันไปจนกระเป๋าสตางค์ตุงไปด้วยเหรียญเลยทีเดียว ยิ่งตอนจะใช้ยิ่งลำบากครับเพราะกว่าจะหยิบได้แต่ละเหรียญเช่นตอนจ่ายค่าอาหารเสียเวลานับมากๆ และเริ่มคิดว่าการจ่ายเล็กๆ น้อยๆ โดยธนบัตรนี้น่าจะสะดวกที่สุดแล้ว ตัวผมก็ลองอีกวิธีโดยการใส่เหรียญในกระเป๋ากางเกงเลยทีนี้หากจะลวงกระเป๋าหยิบเงินเหรียญออกมาน่าจะสะดวกสุด แต่ก็พบความจริงที่ว่าเงินเหรียญหากมันมีจำนวนมากก็หนักกระเป๋ากางเกงเดินกันไปไหนไหนมาไหนมีเสียงซะด้วย และที่หนักที่สุดคือวันดีคืนจะซักผ้าแล้วลืมเอาเหรียญออกจากกระเป๋าผ้าที่จะซักเมื่อไรตอนปั่นแห้งเครื่องซักผ้ากับเหรียญปะทะกันเมื่อไรละก็เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งห้องเลย
จากการสังเกตผมพบว่าเพื่อนผู้หญิงหลายคนมีกระเป๋าเงินหลายใบ บางคนมีทั้งกระเป๋าใสธนาบัตร กระเป๋าใส่เงินเหรียญ กระเป๋าใส่การ์ดพวกบัตรเครดิตบัตร ATM เยอะแยะมากมาย แต่กระเป๋าใสเหรียญดูเป็นไอเดียที่น่าสนใจที่สุด ว่าแล้วผมก็เอาวิธีนี้แหละครับกระเป๋าใส่เหรียญเลย ผมไม่รอช้าครับไปหาซื้อกระเป๋าใส่เหรียญมาจากตลาดนัดครับ สำหรับกระเป๋าใบแรกของผมคือพูดไปแล้วก็เขินครับกระเป๋าใสเหรียญพวกนี้แทบจะไม่มีแบบที่เหมาะกับผู้ชายเลย กระเป๋าใบแรกของผมนั้นเป็นกระเป๋าใบเล็กๆ ทรงออกแนวกลมๆ แบนๆ หน่อยแถมเป็นรูปแตงโมสีสันสดใสมากๆ คือเวลาจะลวงออกมาใช้จ่ายอะไรก็เขินมากๆ แต่ต้องยอมรับเลยครับว่าสะดวกมากๆ ในกระเป๋ามีเหรียญอยู่ร่วม 100 บาท เวลาอยู่ที่ทำงานโดยมากเราก็ใช้จ่ายอยู่ไม่ค่อยจะเกินครั้งละร้อยซักเท่าไรอยู่แล้ว เช่น จ่ายค่าข้าวครั้งละ 25-30 บาท ค่ากาแฟ 25 บาท กระเป๋าใส่เงินเหรียญจึงเป็นกระเป๋าที่วางทิ้งไว้หน้าคอมพิวเตอร์พอเพื่อนที่ทำงานชวนไปดื่มกาแฟหรือไปทานข้าวก็คว้าไปได้ทันที เพราะกระเป๋าสตางค์แบบผู้ชายที่เราใส่ธนบัตรใส่การ์ดต่างๆ ไว้ผมจะเอาใส่กระเป๋าสะพายไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานซะมากกว่า พกไปพกมาจะหายซะอีกอันนี้ไม่รู้มีใครทำแบบผมไหมจนหลังๆ มานี้ผมก็สามารถหาซื้อกระเป๋าใส่เหรียญแบบผู้ชายๆ ได้สักที

ในการออมธนบัตรใบละ 50 บาทให้สนุกนั้นเราควรหาแนวร่วมด้วยนะครับ เช่น เพื่อร่วมงานหรือญาติพี่น้องเพื่อมาคุยกันว่าเรานั้นในแต่ละเดือนเจอธนบัตรแบงค์ 50 บาทกันกี่ใบ ใครได้มาก ใครได้น้อย ผมว่าก็น่าสนุกไปอีกแบบแถมไม่น่าเบื่อด้วยครับ ถึงวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมกันมานานมากแล้วแต่ผมว่ามันเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียวครับ อย่างล่าสุดผมเคยเห็นกระทู้ในเว็บไซต์ pantip.com เล่าเรื่องการออมธนบัตรใบละ 50 บาท เพื่อเอาไว้เที่ยวประจำปีออมไว้ไปเที่ยวก็น่าสนใจไม่น้อยนะครับ
ไส้อ่อนหมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น