สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

จัดการอย่างไรดีกับโบนัส

จดซะหน่อยเถอะครับ
         อ่านหัวข้อแล้วหลายท่านคงคิดว่าผมต้องได้โบนัสเยอะแน่ๆ  ถึงเขียนบทความเกี่ยวกับการจัดการเงินโบนัสในปีนี้ ความจริงเปล่าหรอกครับ มันน้อยมากต่างหากครับ เราถึงต้องมีการจัดการเพื่อให้มันลงตัวเป็นรูปเป็นร่าง ไม่ใช่กลับมาบ้านหลังปีใหม่ แล้วมันหายไปพร้อมๆ กับเงินเดือน เดือนธันวาคมต่างหากละครับ แต่วันนี้ผมขอเฉลยนะครับ ว่าโบนัสที่ได้ของผมในปีนี้กี่เดือน ตัวเลขนั้นก็คือ 0.75 เดือน นั้นเองครับ อ่านไม่ผิดหรอกครับ 0.75 เดือน หรือนั้นก็คือ 75% ของเงินเดือนนั้นเอง หักไปหักมาเหลือ 0.65 เดือน


          คนโดยมากเงินเดือนในเดือนธันวาคมจะถูกรวมกันเงินโบนัสออกมาเป็นก้อนตอนสิ้นเดือน แต่อาจมีบางคนที่ได้รับตอนตรุษจีน แน่นอนครับคนที่ได้เงินตอนก่อนปีใหม่  เราก็จะมีเงินกลับบ้านตอนปีใหม่ครับ มีเงินไปให้พ่อให้แม่ เลี้ยงฉลองกันกับครอบครัวกับเพื่อนแถวบ้านที่นานๆเจอกันที หรือบางคนก็ไปเที่ยวกับครอบครัว  กลับมาหลังปีใหม่หลายคนก็จะงงๆ ว่าเงินมันหายไปไหนหมด สิ้นเดือนมกราคมนี้เหมือนสิ้นใจเลยทีเดียว อันนี้ผมแนะนำให้จดครับ เงินจำนวนเยอะทำให้ตอนเราหยิบออกไปใช้ มันถูกหยิบออกจากกระเป๋าสตางค์ไปได้อย่างง่ายดาย และควรจดแยกว่าเราดึกเงินส่วนไหนไปใช้อะไรบ้าง รายจ่ายคงที่ควรรีบกันเงินไว้ก่อนครับ ส่วนเงินที่จะกลับบ้านปีใหม่ ควรเป็นงบเท่าไร ยกตัวอย่างเช่นกับบ้านปีนี้ ค่ารถ  ให้เงินพ่อกับแม่ เลี้ยงฉลอง รวมๆแล้วตั้งไว้ 5,000 บาท ก็ควรแยกไว้เป็นสัดส่วนครับ

          เมื่อหลายปีที่แล้วโบนัสผมก็อยู่ๆ ประมาณนี้ครับ 0.5-1 เดือน กลับบ้านเทศกาล กับมาอีกทีพบว่าเงินหมดแล้ว บางครั้งค่าใช้จ่ายเช่น ค่าอินเตอร์เน็ต หรือค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ดันลืมจ่ายไปเสียได้ สุดท้ายก็มีอาการชักครับ ชักที่ว่านี้ก็คือชักหน้าไม่ถึงหลังนั้นเองครับ ปีนี้มนุษย์เงินเดือนโบนัสน้อย 1 เดือน ควรวางแผนครับเพราะถ้า 5-6 เดือน ชีวิตเราคงจะง่ายกว่านี้

          ว่าแต่หากเราโบนัสเยอะ 5-6 เดือน ชีวิตเราจะง่ายขนาดนั้นเลยจริงๆ หรอครับ?  ชีวิตผมทำงานโรงงานครับถึงแม้ตัวผมเองจะไม่เคยได้ทำงานในโรงงานที่โบนัสเยอะขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าในช่วงชีวิตของผมไม่เคยผ่านมาเลย บ่อยครั้งที่ผมมักจะได้ยินว่า

คำพูดที่ว่า "น่าอิจฉาเนอะโรงงานโน้นนี้นั้น โบนัส 6 เดือนเลยนะ "

หรือกระทู้ที่ว่า "พนักงานบริษัทนั้นทำไมไม่พอใจ โบนัส 5-6 เดือนออกมาประท้วง บริษัทดิฉันไม่มีโบนัส ดิฉันยังไม่คิดมากเลยค่ะ ,โบนัสคืออะไรค่ะ "

หรือความเห็นแนวๆว่า  "บริษัทพวกนี้ที่พนักงานประท้วงไม่พอใจโบนัส ย้ายฐานการผลิตออกไปบ้าง พนักงานพวกนี้จะได้รู้สึก"

      ผมไม่ได้เข้าข้างให้คนที่ประท้วงออกมาประทวงนะครับ บางครั้งชีวิตเราไม่ได้สัมผัมเราเองก็ไม่ได้เข้าใจหรอกครับว่าทำไม  บางครั้งผมนั่งดูคนที่มาแสดงความคิดเห็นเรื่องโบนัสในกระทู้ต่างๆ ตามเว็บบอร์ด ผมก็อดคิดไม่ได้ ดูเวลาที่แสดงความคิดเห็น "- - เวลานะครับ ดูจากเวลาในการตอบกระทู้ ส่วนสิ่งที่ผมอยากจะเล่า ผมเองไม่ได้ทำงานที่โบนัสเยอะขนาดนั้นครับ แต่เคยฝึกงาน และเคยเห็นชีวิตระดับพนักงาน ผมมองดูอยู่หลายเดือน ตอนแรกผมตื่นเต้นครับกับสวัสดิ์การ ที่ผมฝึกงานอยู่ โลกนี้สวยงามเหลือเกินทั้งโบนัสและสวัสดิ์การเกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ เหมือนว่าหากผมได้ทำงานที่นี้ชีวิตผมจะต้องถึงเป้าหมายทางการเงินอย่างรวดเร็วแน่นอน แต่เมื่อผมลองมองย้อนดูหลังจากที่ผมได้ทำงานไปซักพัก ผมพบความจริงที่แตกต่าง

ใช้การ์ดป้องกัน
          โรงงานที่โบนัสเยอะๆ ทำงานเวลาเท่ากันครับ ทุกคนยืนอยู่หน้าสายพาน วันละเกือบ 12 ชั่วโมงโอทีมากมายแบบบังคับ คือคุณต้องทำโอที เวลาพัก มีรอบละ 10 นาทีซัก 2 รอบได้ ช่วง 10.00 น. - 10.10 น. และก็ะพักเที่ยง 1 ชั่วโมง ช่วงบ่ายๆ มีพักอีก 10 นาที 15.00 น- 15.10 น. และหากทำโอที ก็อาจมีพักช่วงเย็นๆ อีกซัก 30 นาที เข้าห้องน้ำนี้แทบจะจับเวลาเลย งานทุกอย่างไหลผ่านสายพาน คุณต้องทำให้ทัน แต่ในหลายๆ ที่ ที่พนักงานมักบ่นๆ กันว่าโบนัสน้อยๆ เพราะลักษณะงานมันแตกต่างครับ เช้ามากว่าจะทำงานได้ กินกาแฟก่อน นั่งเมาส์กันเวลางาน มีแอบเล่นมือถือบ้าง ขายหวยบ้าง โน้นนี้นั้น อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งด่าผมครับว่าโลกสวยเหลือเกิน ผมแค่อยากเสนอมุมมอง ว่าคุณหรือเเม้แต่ตัวผมเอง สามารถยืนวันละเกือบ 10 ชั่วโมงได้ไหม ผมตอบเลยครับ ว่าผมทำไม่ได้ แต่หากคุณตอบว่าได้ ลองลุกขึ้นยืนเฉยๆ ซัก 1 ชั่วโมงดูก่อนก็ได้ครับ

          วันนี้ผมแค่อยากเสนอมุมมองครับ ว่าชีวิตเราดีแค่ไหนแล้วในทุกวันนี้ และเราไม่ควรตัดสินคนอื่นในสิ่งที่เราไม่เคยรู้ และหากวันนี้ที่งานเราไม่ได้หนักมากมายเหมือนบริษัทที่โบนัสเยอะๆ คุณมีเวลามากมายอยู่กับครอบครัวอยู่กับเพื่อนฝูง อยากเลิกงาน 5 โมงเย็นไปเที่ยวหรือนั่งดูทีวี โดยไม่มีใครบังคับว่าคุณต้องทำโอที ชีวิตเราดีขนาดไหนแล้วครับ ที่เลิกงานกลับมาเจอครอบครัว  ผมคิดว่าบางครั้งเราก็มักจะอิจฉาในสิ่งที่เราไม่รู้ครับ เพราะเรามองมันแต่ภายนอก

แมนๆ เตะบอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น