สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

ติดดอยสะท้านนนน...ผมจะทำอย่างไรดีละคราวนี้

ดอยยยยย
          วันนี้ตรงกับวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ผ่านไปแล้วกว่า 1 ปี สำหรับการเริ่มลงทุนในหุ้นของผม  ดันชนีตลาดหลักทรัพย์จาก 1,300 จุดในปี 2557 ขึ้นมาจนถึง 1,600 และในตอนนี้ มันกลับลงไปสู่ 1,300 จุด เหมือนกับการลงทุนในหุ้นแทบจะไม่ได้อะไรและกลับกลายเป็นการขาดทุนเสียด้วยซ้ำ เหมือนคำเปรียบเทียบที่คนที่ลงทุนในหุ้นหรือนักเล่นหุ้นเรียกอาการขาดทุนนี้ว่าการติดดอย  และในช่วง 1 ปีที่ผ่านนี้ บทเรียนในการลงทุนในหุ้น จนผมสามารถพูดได้เต็มปากเลยครับว่า "ผมได้อะไรเยอะเเยะจากการหุ้น  ยกเว้นเงิน" 

          ผมเคยคิดนะครับว่าวันหนึ่งหากผมประสบความสำเร็จในการลงทุนในหุ้นแล้ว  ผมจะรีบมาเขียนบทความดีๆ  ซัก 1-2 บทความ  ว่าการลงทุนในหุ้นมันน่ามหัศจรรย์ขนาดไหน  แต่วันนี้ผมดอยครับเพราะเหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ ผมคิดนะว่าบทความนี้ต้องมากกว่า 1 ตอนแน่ๆ เพราะชีวิตเม่่าอย่างผมมันย่อมมีเรื่องที่อยากจะเล่ามากกว่า 1 ตอนแน่นอนครับ  เริ่มเรื่องมากจากผมต้องการสิ่งที่เรียกว่าอิสระภาพครับ  คือแบบผมอยู่ในความกลัวอย่างหนึ่ง  แต่ผมไม่รู้ว่าคนในยุคสมัยใหม่กลัวอย่างผมไหม  ผมกลัวแก่ไปแล้วชีวิตผมจะลำบากครับ  กลัวเงินที่หามาทั้งชีวิตหากเก็บอย่างเดียวมันคำนวณอย่างไงก็ไม่มีทางพอใช้หลังเกษียณ  คิดง่ายๆนะครับ ตอนนี้ผมอย่างอายุจะ 30 ปีแล้ว ผมเก็บทุกเดือนเลยครับเดือนละ 3,000 บาท ผมคาดว่าผมนั้นจะเกษียณตอนซักอายุ 60 ปี ผมก็จะมีเงิน 1,080,000 บาท เฮ้ย ตอนอายุ 60 มีเงินแค่นี้ ตอนนั้นข้าวไม่ราคาจานละ 100 บาทแล้วหรอครับ ผมมีหวังอดตายภายใน 5-10 ปีแรกที่เกษียณแน่นอน ยิ่งหากผมเคราะห์ร้ายผมป่วยขึ้นมาละ  ผมจะเอาเงินจำนวนนี้มารักษาตัว สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคมก็คงไม่มีแล้วเพราะผมก็เกษียณแล้วนี้  เมื่อลองคิดดูแล้วมันยิ่งทำให้ผมคิดไม่ตก ผมจะทำอย่างไรดีกับเรื่องเงินหลังเกษียณนี้ดี

กองทุนรวมบัวแก้วสมัยซื้อใหม่ๆ ครับ
        ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว ซักประมาณปี 2554 ในมุมมองของผม ตลาดหุ้นคือสิ่งที่เหมาะสำหรับคนรวย ตอนนนั้น set ยังไม่สูงมาก ผมแทบไม่รู้จักวิธีซื้อหุ้นหรือรู้จักใครที่เล่นหุ้นหรือลงทุนในหุ้นเลย แต่ผมก็พอที่จะรู้จักกองทุนรวมครับ ตัวแรกที่ผมซื้อเลยคือกองทุนรวมบัวแก้วของธนาคารกรุงเทพ ซื้อแรกๆ ตอน 10 กว่าบาทปลายๆ จนถึง 20 บาทต้นๆ ยิ่งช่วงน้ำท่วมผมยิ่งซื้อไปเรื่อย แล้วมาขายตอนราคาหน่อยลงทุนประมาณ 25 บาท นั้นคือกำไรครั้งแรกของผม แต่ผมก็ศึกษานะครับว่ากองทุนรวมกองนี้ลงทุนในหุ้นตัวไหนบ้าง เช่น SCC PTT BLL ประมาณนี้ ลงทุนหุ้นบลูชิป

Set มาแนวนี้ราคาไหนก็ดอยครับ 
          เมื่อผมลองทุนเองโดยไม่ผ่านกองทุนรวม ผมกลับมาในช่วงนี้ตลาดขาขึ้นจริงๆ ครับ แต่สิ่งที่ผมไม่รู้คือ ในตลาดมีหุ้นมากมาย เหมือนปลาในทะเลที่ให้เราไปจับ ต่างจากกองทุนที่เราออกเงินแล้วมีเรือประมงไปหามาให้ เราออกแค่ทุน ฉะนั้นปลาในทะเลนี้แหละครับตัวยาก ความเสี่ยงสูง ผมหอบเงินเก็บที่มีเกือบ 1 แสนบาท มาลองหาปลาเอง ผลที่ได้คือ ตลาดขาขึ้นซื้อตัวไหนก็กำไรครับ แต่พอตลาดลาลงเท่านั้นแหละครับ ดอยกระจาย ซื้อปุ๊บลงปั๊บเลยทีเดียวครับ จากกำไรที่ได้มาก่อนหน้านี้ หายไปกับตา แถมติดดอยอีกหมื่นกว่าบาท ยังดีที่ผมถืออยู่หุ้นมีปันผลบ้าง 3-4% เลยจุดคัตลอสมาพอสมควรแล้ว  สิ่งที่ผมเรียนรู้จากหุ้น มีมากกมายครับ การดูงบ การดูกราฟ การดูพื้นฐานของหุ้นตอนพื้นฐานมันเปลี่ยนคือข่าวร้าย สภาวะตลาด คือก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ดูอะไรเลยครับ เลือกเพียงแค่ว่าหุ้นบริษัทที่จะซื้อนั้นดีหรือเปล่า ดูว่าดีก็ซื้อ แล้วก็ดอย เพราะอะไรนะหรอครับ เพราะว่าหุ้นที่ดีเราต้องซื้อที่ราคาเหมาะสมด้วย อย่างหากมีคนถามผมว่า หุ้น ปตท. PTT ดีไหม ผมคงต้องตอบว่าดี แต่หากจะเข้าที่ราคาเกือบ 400 บาท นั้นคงเป็นราคาที่เต็มพื้นฐานของมันแล้ว หลายคนบอกว่า ปตท. PTT ต้องเข้าที่ต่ำกว่า 300 บาทแล้วมาขาย 400 บาท ราคาต่ำ 300 บาทนี้ถือว่าเข้าได้ทุกราคา แต่วันนี้ คือวันที่ 24 มรกราคม 2559 ผมว่า ผมเห็นมันต่ำกว่า 200 บาทมาแล้ววันหนึ่งนะครับ เพราะราคาน้ำมันลงไปกว่า 30 เหรียญแล้ว

          หากซื้อต่ำกว่า 300 บาท หรือราคาซัก 300 บาท ต้นๆ อาจจะนานซักหน่อยกว่าที่จะกลับมาราคานี้หรือจนเรากำไร แต่หากเกือบๆ 400 บาท นี้คงต้องรออีกนาน เพราะ สิ่งแรกๆ ที่คุณควรรู้จักคือ หุ้นที่เราซื้อ ลงทุนในธุจกิจอะไร อย่าง ปตท. PTT นี้คือ หุ้นโภคภัณฑ์ นะครับ น้ำมันราคาขึ้นหรือลงอยู่ที่ตลาดโลก เขาไม่ได้เป็นผู้กำหนดราคาเอง ว่าจะขายลิตรละกี่บาทก็ได้ แต่ที่ราคาน้ำมันแพงในประเทศนี้เพราะภาษีกับกองทุนน้ำมัน ไม่ต้องไม่ทวงคืนครับ เพราะ ปตท. นำกำไรที่ได้ออกมาในรูปแบบปันผลคือเข้ารัฐที่ถือหุ้นใหญ่อยู่แล้ว หรือหากใครอยากเป็นเจ้าของ ซื้อเลยครับ ตอนนี้หุ้นละ 200 บาท ได้เป็นเจ้าของกันทุกคน สิ่งที่ผมอยากยกตัวอย่างในหุ้นตัวนี้คือ กราฟครับ คนโดยมากซื้อหุ้นเพราะเห็นว่ามันลงมาเยอะแล้ว แต่ถำคามคือ มันลงมาสุดหรือยัง?  หรือเราไปรับมึดมากันแน่


ได้แก้วมาปลอบใจครับ 
          วันนี้โชคดีครับ ที่ผมยังไม่ได้ยอมแพ้ และยอมรับในความผิดพลาดของตัวผมเอง ช่วงระหว่างนี้ ผมขอกลับมาหาความรู้เพิ่มเติม ศึกษากราฟเอาแบบง่ายๆ ว่าเราควรเข้าที่จุดไหม ศึกษาตลาด เรื่องของข่าวดีข่าวร้าย ว่ามันส่งผลเสียหรือแค่ข่าว ที่ไม่ได้ส่งผลอะไรเลยกับหุ้นของเรา และก็ตัวที่ติดดอยอยู่ ว่าธุรกิจจริง พื้นฐานเปลี่ยนไหม และศึกษาลักษณะทางธรุกิจ เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดครับและกลับมาแก้ไข ยังถือว่าโชคดีอีกข้อ ที่หุ้นที่ผมซื้อถึงดอยแต่ราคาไม่แพงนัก (ปลอยใจตัวเอง) แล้วเรามาดูกันครับ ว่าผมจะหลุดอยไหม สุดท้ายนี้ปีใหม่โบรคเกอร์ที่ผมซื้อขายหุ้นอยู่ส่งของขวัญมาปลอบใจผมด้วยครับ รางวัลติดดอยได้แก้วเลย

ด้านล่างคือหุ้นที่ผมถืออยู่ แล้วเรามาดูกันครับว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป



แมนๆ เตะบอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น