
ผมก็คงเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆครับ ผมมองโลกในแง่ดีเสมอ ผมไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับคนอื่น ไม่มีทางเกิดขึ้นกับตัวผมแน่นอน เงินก้อนนี้ในกองทุนรวม หากรวมๆกำไรและทุนมันมีมูลค่าสูงถึง 60,000 บาท ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมจะมีเงินเยอะขนาดนี้ จากการออมอันน้อยนิดของผม ผมนอนกอดสมุดบัญชีกองทุนรวมพร้อมความฝัน ที่ผมคิดไว้ทั้งแต่เริ่มต้นทำงาน ฝันของผมคือ หากมีเงินเยอะๆ ผมอยากรับแม่มาอยู่ด้วย แต่ที่ผมยังไม่สามารถทำได้ขณะนี้ เพราะลำพังเงินเดือนผมขณะนั้น ไม่พอสำหรับ 2 ชีวิตแน่นอน แล้วอีกประการคือน้องผมยังเรียนอยู่ คงต้องรอจนกว่าน้องผมจะเรียนจบ แต่ผมเองก็ส่งเงินให้ครอบครัวทุกเดือน โดยเงินก้อนในกองทุนรวมนี้ผมเก็บไว้เป็นความลับตลอดมา เพราะวันหนึ่งผมอยากให้แม่ดีใจและภูมิใจในตัวผม
แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับโทรศัพท์จากที่บ้านว่าแม่ผมป่วยหนัก ให้ผมรีบกลับมาบ้านโดยด่วน วันนั้นผมจำได้ดีว่าผมไม่ได้กลับในทันที เพราะผมไม่เคยเห็นแม่ผมเจ็บป่วยเลยเท่าที่ผมจำได้ ผมอยู่ทำงานอีกวันเพื่อเคลียร์งานที่ค้างคาให้เสร็จ แต่ยังไม่ทันพ้นวันดีที่บ้านก็โทรมาหาผมอีกรอบ บอกผมว่าแม่หัวใจหยุดเต้นแต่หมอช่วยปั๊มหัวใจให้แล้วอยากให้ผมรีบกลับมาโดยด่วน ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกผมคิดกังวนใจว่าแม่คงป่วยหนักแน่นอน ในความคิดผม ผมคิดเพียงอย่างเดียวว่าการที่แม่ป่วยครั้งนี้ มันคงเป็นอะไรที่ใช้เงินมากแน่ๆ คืนนั้นผมตั้งขายกองทุนรวมไว้ เพราะกว่าจะได้เงินก็น่าจะซักประมาณะ 3 วัน และผมก็รีบเดินทางกลับบ้าน
ครั้งแรกที่ผมเห็นแม่อยู่โรงพยาบาล แม่อาการหนักมากกว่าที่ผมคิด แม่มีอาการไตวายเนื่องมาจากการทานยาชุดเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน ผมทราบดีว่าแม่ต้องทำงานหนักเพื่อส่งผมกับน้องเรียนต่อ จึงต้องทานยาพวกนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดขาเวลาทำงานหนัก วันแรกที่ผมได้ไปเยี่ยมแม่ แม่เหมือนนอนอยู่ห้องรวมแทนที่จะอยู่ห้อง ICU เท่าที่ผมทราบ ห้อง ICU คนเต็ม ผมเฝ้าดูอาการแม่อยู่ 3 วัน และเงินที่ขายกองทุนก็เข้าบัญชีมาแล้ว ตัวผมได้แต่บอกกับตัวเองว่าเงินจำนวนนี้มันไม่มีวันที่จะพอให้การย้ายแม่ไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนแน่นอน แล้ววันที่ 4 แม่ก็ได้ไปอยู่ห้อง ICU เพราะห้องว่างแล้ว คงเพราะมีคนไข้คนใดเสียชีวิตลง ผมเข้าใจว่าแม่คงมีอาการตกใจที่ต้องมานอนห้อง ICU คนเดียวและคิดว่าตัวเองอาการหนักเพราะต้องมาอยู่ที่นี้ เช้าวันรุ่งขึ้นแม่มีอาการหนักมากๆ ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ ผมได้แต่พูดว่าให้ท่านรอผม ผมบอกว่าความฝันของเรามันใกล้จะเป็นความจริงแล้ว ท่านได้แต่ส่ายหน้าและมองผมเพราะเหมือนท่านรู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่มีทางอยู่ได้ถึงวันนั้น และหลังจากนั้นอีก 3 เดือนพ่อของผมก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งที่กล่องเสียง คราวของพ่อผมท่านนอนอยู่โรงพยาบาลนานมาก เพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ถึงแม้จะแทบไม่ได้เสียค่ารักษาพยาบาล แต่กรณีของพ่อผมก็ต้องมีจ้างเฝ้าท่านเกือบตลอดเวลา เพราะท่านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ครอบครัวผมหมดเงินในส่วนนี้ไปเยอะพอสมควรให้การยื้อคนที่ผมรักไว้ทั้ง 2 คน
เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับคนอื่น มันก็เกิดขึ้นได้กับผมหรือกับทุกคนเช่นเดียวกันครับ สิ่งที่ผมคิดหลังจากนั้น คือผมท้อแท้และสิ้นหวัง ผมพบความจริงที่ตีแสกหน้าผมว่า เงินเก็บคนเราไม่ว่าจะเยอะแค่ไหน ก็ไม่มีวันที่จะพอหากเราเจ็บป่วยและต้องรักษาตัว คนเราน้อยคนหนักที่จะอยู่ๆและเสียชีวิตลงได้เลยโดยไม่เจ็บป่วยและต้องรักษา มีคนอีกมากมายที่หมดตัวเพราะรักษาตัวเองหรือคนที่ตัวเองรัก หากการใช้เงินมากมายขนาดนั้นแล้วสามารถยื้อชีวิตคนที่เรารักได้ก็คงดี แต่ผมก็พบว่าในโลกแห่งความเป็นจริงผมหรือใครไม่สามารถทำได้ และผมควรจะทำอย่างไรเมื่อความเป็นจริงมันเป็นเช่นนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้ศึกษาข้อมูลเรื่องประกันชีวิตและตัดสินใจทำทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่เสียเปล่าทุกปีด้วยเงินจำนวนหนึ่งครับ ซึ่งไม่ได้มากมายแต่ผมคิดว่าน่าจะพอหากผมเจ็บป่วยเพราะมีทั้งประกันชีวิตและประกันสังคมคงช่วยได้มากแน่ๆ เกือบ 3 ปีผ่านมาที่ผมต้องส่งประกัน เป็นประกันชีวิตเดือนละ 600 บาท และประกันสุขภาพเสียเปล่าอีกเดือนละ 600 บาท รวมๆแล้วก็เดือนละ ประมาาณ 1,200 บาทได้ ผมไม่เคยเจ็บป่วยจนต้องนอนเข้าโรงพยาบาลเลยครับ ทุกครั้งที่ผมบ่นเรื่องนี้ คนรอบข้างผมจะบอกผมว่าดีแล้วที่ผมไม่ได้ใช้ประกันชีวิต จนเมื่อเดือนที่ผ่านมาผมล้มป่วยและต้องผ่าตัดเล็กที่โรงพยาบาลและต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 4-5 วัน ผมค่อนข้างกังวนเพราะผมไม่มีแฟน หรือญาติพี่น้องคนไหนมาเฝ้าผมได้เลย เพราะทุกคนก็ต่างติดงานกันหมด
ผมพบว่าประกันชีวิตที่ส่งไปเกือบ 3 ปีช่วยให้ความเป็นอยู่ผมในระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาดีขึ้นได้ ผมสามารถเลือกนอนห้องพิเศษได้ เลือกการผ่านตัดที่โรงพยาบาลรัฐที่ตัวเองประกันสังคมอยู่ หรือโรงพยาบาลเอกชนโดยการเพิ่มเงินส่วนต่างที่เกินวงเงินประกันเองได้ และการที่ผมไม่มีใครเฝ้าไข้ผมสามารถนำเงินส่วนที่จะได้รับในการชดเชยรายได้ มาจ้างคนเฝ้าไข้โดยเอาเงินเก็บมาจ่ายไปก่อนแล้วทำเรื่องเบิกในส่วนนี้ซึ่งใช้เวลาไม่กี่วัน ทำให้ไม่กระทบกระเทือนรายได้ผมในเดือนนั้น
วันนี้ผมอุ่นใจขึ้นกว่าสมัยก่อน ว่าหากเจ็บป่วยเงินเก็บทั้งหมดของผมก็จะไม่หมดไปกับการรักษา เหมือนกันกับที่นักลงทุนหลายท่านบอกว่าอย่าเก็บไข่ไว้ในตะกร้าเพียงใบเดียว แต่การซื้อประกันชีวิตนั้นต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนจะน้อยมากเพราะมันไม่ใช่การลงทุนแต่เป็นการประกันต่างหาก และเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตของเราหรือคนที่เรารัก ครั้งหนึ่งผมเคยท้อแท้ใจจนคิดว่าผมเดินต่อไปอีกไม่ไหว แต่โลกนี้ยังมีอะไรมากมายที่ผมยังไม่เคยรู้และยังมีอีกหลายที่ ที่ผมยังไม่เคยไป ผมจึงอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าคนที่รักผม 2 คนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่โลกนี้ยังไม่อีกหลายคนที่รักผมอยู่บนโลกใบนี้ครับ
โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
ไม่มีใครอยู่จุดเดิมได้
ทำได้แค่ "ดีที่สุด"
แล้วบางที "ดีที่สุด" ที่จะทำได้
ก็คือการเริ่มต้นใหม่
Captain America
น้องซิ่ง โลกสวย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น