
และแล้วผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนมาได้ 3 ปีกว่าๆ และเพื่อนๆในแผนกก็พากันลาออกไปเกือบหมด จนผมคิดว่า มันน่าจะเป็นโอกาสของผมบ้างแล้วนะ ประสบการณ์ก็มีแล้วนี้ เยอะกว่าเพื่อนๆด้วยจะกลัวอะไร หางานใหม่ดีกว่า หลายเดือนที่ผ่านมา ผมส่งไปกว่า 100 ที่ บริษัทดีๆเรียกผมมากมาย แต่ผมก็ไม่ได้ เพราะคนเรา เหมือนแข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนานั้นยาก (พยายามเอาบุญเอากรรมมาคิดเลยทีเดียว) อาจเป็นเพราะผมไม่ได้เก่งมากมายจนบริษัทเหล่านั้นไม่ต้องการ และอาจติดเรื่องภาษาด้วย ทำไงได้ครับ จบโรงเรียนวัดมาซะด้วย คิดไปคิดมาก็ท้อครับ เพราะกลัวจะได้โบนัส 15-30 วัน ไปทั้งชีวิต เพราะยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นเพื่อนๆ มีรถ มีบ้าน เพราะมีโบนัสเยอะๆ
จนสุดท้ายผมได้งานใหม่ครับ.....ความพยายามของผมเป็นผล ผมลาออกโดยไม่ฟังคำคัดคานจากใครทั้งนั้น บอกลาเพื่อนๆ ร่วมงานที่รักกันมากๆ ทั้งๆที่ใจหายมากๆ เช่นกัน เอาเงินเก็บทั้งหมดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แบบทุ่มเงินในกระเป๋าที่มี กับการย้ายงานใหม่ครับ การย้ายงานค่าใช้จ่ายเยอะครับ ไหนจะค่าห้องใหม่ ค่ามัดจำ ค่าย้ายห้อง(ค่ารถขนของ) ค่ากินที่ต้องเพิ่มขึ้น ค่าตรวจร่างกาย เงินเดือนที่เก่าได้ไม่เต็มเดือน เพราะลาออกก่อน 30 วัน ที่ใหม่ก็ไม่ได้เต็มอีกเพราะมากลางเดือน ช่วงรอยต่อนี้เงินหมุนไม่ทันเลยทีเดียว แต่ออกมาแล้วครับ ที่ใหม่ โบนัส 3 เดือน หยุดเสาร์เว้นเสาร์ด้วย
การเริ่มงานที่ใหม่ ที่ๆผมหวังไว้ตลอดชีวิต ผมทุ่มเทเต็มที่เลยครับ เพื่อโบนัส 3 เดือนของผม สังคมใหม่ไม่ได้ดีอย่างที่เราคิดครับ เพื่อนใหม่งานใหม่ชั่งโหดร้าย แน่แหละครับ โบนัสเยอะ งานที่หวังย่อมเยอะกว่าโบนัสที่จะได้อีก สังคมที่แข่งขัน ความเห็นแก่ตัวของเพื่อนร่วมงานใหม่ที่ผมไม่คิดว่าชีวิตจะได้เจอคนแบบนั้น ชั่งต่างกับที่เก่าโดยสิ้นเชิงครับ ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าลาออกแล้วไป ที่ทำงานที่ใหม่แล้วเราจะเจออะไร แต่เวลามันย้อนหลังกลับมาไม่ได้ เหมือนสอบตกแล้วขอสอบใหม่ไม่ได้อย่างไงอย่างนั้นเลย
ผมเริ่มหางานใหม่จนนี้เป็นที่ๆ 3 แล้วตั้งแต่ผมลาออก สมัยที่ทำงานที่เก่าผมซื้อกองทุนปันผลจากเงินโบนัสเล็กๆ กับเงินอีกทุกเดือนของผมเดือนละ 1,000 รวมๆก็เยอะอยู่ หากมองย้อนกลับจากเรื่องนี้ ผมทุกข์ใจที่ลาออก แล้วมาเจอสังคมที่ไม่ดี วันนี้ผมมาเริ่มงานที่ใหม่ เพื่อนร่วมงานและสภาพแวดล้อมโรงงาน ถือว่าอยู่ในระดับดีครับ แต่โบนัสน้อยเช่นกัน แต่อย่าลืมนะครับ โบนัสคือสิ่งที่บริษัทว่าจะให้ แต่สิ้นปีจะได้เท่าไรไม่รู้
วันนี้แนวความคิดผมเปลี่ยนไป ตั้งแต่กองทุนปันผลผมเริ่มออกดอก ออกผล ผมกลับใช้แนวความคิดในมุมกลับกันว่า ผมจะทุกข์ใจทำไม โบนัสที่บริษัทบอกว่าจะให้ เขาอาจไม่ให้เราก็ได้ ทำไมเราไม่ลองหาเองมันเลยแหละไหนๆ ไอ้โบนัสนี้มันก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้อยู่แล้ว กองทุนนี้ก็เสี่ยงที่จะไม่ปันผลอยู่แล้ว ชอบบริษัทไหนละ? อยากทำงานบริษัทไหนละ? ซื้อกองทุนหรือหุ้นปันผลบริษัทนั้นไปเลย ในเมื่อคุณคิดว่าบริษัทนั้นดี ขนาดคุณเองยังรู้ว่าเขาดีแล้วยังอยากทำงานด้วย ลงทุนแบบเน้นคุณค่าระยะยาวเพื่อให้เขาจ่ายเงินปันผลหรือโบนัสให้คุณซะเลยสิ
ผมปรับแนวความคิดนี้ มาได้ซักพักแหละวันนี้ผมทำงานที่ใหม่ เพื่อนๆและหัวหน้าดีกับผมมาก แถมผมยังแบ่งเอาเงินไปซื้อกองทุนรวมเหล่านี้ โดยแบ่งเป็นหลายกอง แต่กองนึ่งที่ไม่ลืมเมื่อมีเงินพิเศษๆเขามาคือกองทุนปันผลนั้นเอง วันนี้ผมมีความสุขแค่กลับแนวความคิดช่วงไหนไม่ปันผล ผมก็คิดซะว่าเขาไม่จ่ายโบนัส แต่เอาจริงๆนะครับบางตัวปันผลปีละ 4 รอบ บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ๋ ยังให้ผมขนาดนั้นไม่ได้เลยครับ ชาว Pantip น่าจะเดาออก เพราะเห็นกระทู้บ่อยๆ นะครับกับกองทุนนี้

น้องซิ่ง โลกสวย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น