สถิติการเข้าดูหน้า Blog

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

จากกระทู้ ขายดีจนเจ๊ง (สาเหตุเกิดจากอะไรลองอ่านดูครับ)



.จากเพจ : เทพ สเตปเกรียน http://pantip.com/topic/33139621

          จากกระทู้นี้ ปกติผมมันจะชอบอ่านกระทู้ในห้องสินธรของเว็บไซด์ pantip มากๆครับ เพราะบางกระทู้เหมือนบอกเล่าประสบการณ์ ของหลายๆคนที่ผมมักจะไมได้พบเห็นในชีวิตประจำวันเท่าไร แต่มันมักให้ข้อคิดดี หรือเรื่องสอนใจเราได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการออม การลงทุน บทเรียนชีวิต การลงทุน ครั้งแรกที่ผมเห็นกระทู้นี้ผมมองว่ามันน่าสนใจ แต่ดูเหมือนไกลตัวผมเหลือเกินสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผม คงยากที่จะประกอบธุรกิจส่วนตัวจนเจ๊งได้แน่นอน ผมจึงแค่อ่านผ่านๆ และไม่ได้สนใจมันมากมายนัก จนผ่านมาได้ซัก 3 วัน ผมกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้งตอนที่เป็นกระทู้แนะนำ อ่านและพยายามคิดตามว่า มันจริงไหม กระทู้นี้ทำไมถึงเป็นกระทู้แนะนำ หรือคนในห้องสินธรประกอบธุรกิจส่วนตัวกันเยอะ

       จนผมเอาสมุดบัญชีไปปรับที่ตู้อัตโนมัติ ทำให้ผมหนึ่งเรื่องนึ่งขึ้นมาได้ นั้นคือ มันมีเงินอยู่ในบัญชีนั้นไม่กี่พันบาท แทนที่มันควรจะมีหลายหมื่น ทำไมนั้นหรอครับ เพราะผมก็เป็นคนนึ่งที่ขายดีจนเจ๊งนั้นเองเรื่องราวของผมคิดว่าน่าจะใกล้เคียงและเทียบได้ง่ายกว่ากระทู้ข้างบทและคิดว่าหลายๆคนคงเริ่มต้นเหมือนผม แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกเล่า ผมไม่อยากให้ทุกคนจบเหมือนผม
      เมื่อ 3 ปีที่แล้วผมมีน้องที่ทำงานคนหนึ่ง ขายสินค้าในเน็ตครับ เริ่มแรกนั้นผมเองไม่ได้สนใจเท่าไร เพราะคิดว่าผมเองคงไม่มีหัวด้านนี้ แต่น้องผมคนนี้มีหัวในการหาสินค้าแปลกใหม่จากจีนมาขาย เหมือนสินค้าไนได้รับความนิยม น้องเขาจะมีมาขายก่อนชาวบ้านเขาเสมอ ผมก็ชอบเข้าไปดูบ่อยๆ บางทีก็ช่วยซื้อในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ เอาจริงๆน้องเขาขายดีมากครับ ขายดีจนน่าตกใจ ยอดขายแต่ละเดือนกำไรมากกว่าเงินเดือนที่บริษัทผมจ่ายให้เขาซัก 2 เท่าได้มั้ง เอาเป็นซัก กำไรเดือนละ 40,000 แล้วกันเพราะน้องเขารับพรีออเดอร์จากพวกแม่ค้าด้วยกันด้วย 

      วันหนึ่งเราได้มานั้งคุยกัน เพราะผมชอบเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่แล้วครับ น้องเขาจึงเริ่มชวน ว่าทำไมผมไม่ลองทำเว็บขายของดูละ น้องขายถูกอยู่แล้ว แต่ถ้าพี่ลองทำเว็บนะแล้วเอาสินค้าน้องไปลงบวกราคาเพิ่มไปซัก ชิ้นละ 50 รับรองน่าจะขายได้แน่ๆ เพราะเอาจริงๆสินค้าในเว็บน้องเขาก็ถูกกว่าเว็บอื่นจริงๆ ผมก็ไม่ได้เสียหายอะไร ขายไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียอะไรนี้หว้า เพราะเอาจริงๆขายไม่ได้เราแค่เสียเวลา ไหนๆก็เลิกงานมานั้งเล่น facebook ทั้งวันอยู่แล้ว ลองดูกันซักตั้งดีกว่า
       หลังจากวันนั้นผมเริ่มทำเว็บไซด์เองครับ จากเว็บฟรีครับ มันยากสำหรับผมมากๆ แต่ก็ลองผิดลองถูกอยู่หลายวันจนลงสินค้าได้ และบวกๆราคาเพิ่มๆ ไปชิ้นละ 50 บาท ซึ่งก็ดูแล้วไม่แพงมากอะไร ผ่านไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็มีคนมาซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ของผม เดือนแรกเลยผมได้กำไรอยู่ประมาณ 500 บาท ตอนนั้นผมดีใจมากครับ ไม่คิดว่าจะขายได้ และผมก็เริ่มหาเทคนนิคการขายของผมครับ เช่น
  1. ขายได้ให้ลงเลขที่พัสดุเพื่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เรา 
  2. แจ้งเลขที่พัสดุให้ลูกค้าทางเมลล์ทุกครั้งเพื่อให้ลูกค้าสะดวก (สมัยนั้น Line ยังไม่ค่อยมีคนเล่น)
  3. โพสโฆษนาลงในเว็บประกาศขายฟรีและอัพประกาศบ่อยๆ
  4. พยายามประกาศลงโฆษนาโดยใช้คำที่ตรงกับสินค้าที่เราจะขายเพื่อให้หาง่ายใน google
  5. ตอบ E-mail ลูกค้าให้ไวที่สุด ไม่เกิน 24 ชม. (หากลูกค้าถามสินค้าในเวลางาน ช่วงพักผมจะ mail แจ้งทุกครั้งว่าจะเช็คสินค้าให้ตอนเย็นไม่ปล่อยทิ้งไว้หลายชั่วโมง
       วิธีของผมกับน้องที่ทำงานคือ เมื่อมีคนมาสอบถามสินค้าที่ผม ผมจะแจ้งลูกค้าว่าเดี๋ยวเย็นจะเช็คสินค้าให้นะครับ และผมก็จะรวบรวม รายการสินค้าที่ลูกค้าทุกคนถาม แล้ว Mail ไปถามตอนเย็นหลังเลิกงานทีเดียว แล้วรีบมาตอบลูกค้าทุกคน และเเจ้งราคาพร้อมค่าส่ง เมื่อลูกค้าโอนเงินมาผมก็จะหักเงินค่าสินค้าโอนให้น้องเขาทันทีน้องผมก็จะไปส่งให้ตอนพักกลางวันที่ไปรษณีย์ ตกเย็นก็จะเอาเลขที่พัสดุมาให้ผม ผมก็แจ้งลูกค้าและโพสในเว็บของผมครับ ยกตัวอย่างนะครับ ขาย 1 คน ผมขายได้ 500 กำไรผมก็ซัก 100 บาท บางวันผมมีลูกค้า 4-5 คนนี้ผมนั้งยิ้มเลยครับ รวยเลย 

        ผมเริ่มขายดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ เดือนๆหนึ่งก็หลัก 1,000 จนถึง 5,000 บาทก็เคยมี ตอนนั้นบริษัทผมปรับเงินเดือนน้อยมากๆ ประมาณ ปีละ 2% ผมท้อแท้ในการปรับเงินประจำปีมาก แต่ผมก็ยังทำงานประจำด้วยความตั้งใจ แต่เหมือนในกระทู้หนึ่งที่ผมเคยอ่าน เราเป็นได้แค่ลูกจ้าง น้อยคนจะร่ำรวยจากการเป็นลูกจ้าง ในวันนั้น ผมก็ยังคงตั้งใจทำงานประจำของผมให้ดีที่สุด และกลับห้องมาดูแลร้านในเว็บไซต์ของผม ผมคิดว่าวันหนึ่งเมื่อเราลาออก สิ่งที่ผมเหลือไว้ในบริษัทมันคือแค่ตำแหน่งที่ว่างลง ผมจึงพยายามจะสร้างธุรกิจขายของเล็กหลังเลิกงานให้โตขึ้น เพราะมันคงอยู่ถึงแม้ผมจะลาออกจากงานประจำก็ตาม
      วันดีๆ มักต้องมีวันที่สิ้นสุด หลังจากนั้น ผมไม่ค่อยได้สนใจ การบริหารเงินที่ได้มา ได้เงินมาผมก็รวมๆกับเงินเดือน ใช้จ่ายโน้นนี้นั้น จนเงินที่ได้จากการขายของไม่ได้ต่างจากรายได้ประจำ ทุกเดือนมันมักจะรวมเป็นก้อนเดียว ทั้งที่ผมเองก็มีบัญธนาคารกว่า 5 บัญชี แต่ผมไม่เคยแยกมันออกจากกัน ทุกเดือนผมเหมือนมนุษย์เงินเดือน ที่มีข้ออ้างในการใช้จ่าย และจำเป็น และมันคงเป็นเช่นนั้นมาเรื่อยๆ
       จนวันนี้เมื่อการขายของในอินเตอร์เน็ตผมผ่านมาได้สู่ปีที่ 3 ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ผมขายของในเน็ตแย่ลงเรื่อยๆ ปีที่แล้วว่าแย่ ปีนี้แย่กว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ผมเพิ่งได้กำไร 200 บาท ผมเริ่มตระหนักรู้แล้วครับว่า ขายดีจนเจ๊งเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ใครๆก็ขายสินค้าในอินเตอรเน็ต สินค้าในตลาดนี้ไม่ได้ต่างจากตลาดนัด สินค้าที่เหมือนผมใครๆก็ขาย ทุกคนแข่งกันยิ่งกว่าธุรกิจสายการบิน สิ่งที่แข่งกันคือการลดราคา บางเว็บไซต์ผมเองยังตกใจ ที่สามารถขายได้ราคาทุนของน้องที่ทำงานผมเลยทีเดียว เรียกได้ว่า ขายกันตัดราคา และใครๆก็ขาย บางคนขายกระเป๋า บางคนขายครีม เมื่อผมได้หันมามองรอบตัว คนใกล้ตัวผมต่างลงมาแข่งในตลาดนี้กันหมด 
         วันนี้ผมได้แต่รอ เมื่อตลาดมันเฟ้อ มันจะกลับสู่สุดเริ่มต้นของมันเอง แต่สิ่งที่ผมได้ นี้คือบทเรียนครับ ถึงมันจะไม่ได้ใหญ่โตทำเงินได้มาก เหมือนธุรกิจส่วนตัวอื่นๆ แต่นี้คือบทเรียนที่ผมเจอครับ วันนี้ทำให้ผมมีบทเรียนในการใช้ชีวิต โชคดีของผมคือ ผมรู้ตอนนี้ครับ รู้ตอนที่ยังอายุไม่ถึง 30 ผมคิดว่า ผมเองยังโชคดีกว่าหลายๆคนครับ ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมยังอายุไม่มาก 
        ทุกวันนี้ ถึงผมจะลองเริ่มมากเล่นหุ้น แต่ขาดทุนอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ลืมเลย คือการแยกเงินเหล่านี้ออกจากกัน ทุกเดือน หากผมทำงานล่วงเวลาได้ ผมจะเเยกไว้อีก 1 บัญชี ทำ OT ได้เท่าไร แยกเก็บไปเลยครับ ไม่เอามาปนกับเงินเดือน เพราะผมรู้เเล้วว่าเมื่อมันรวมกันมันจะเท่ากับ 0 เสมอ  หรือแม้แต่เงินที่จะเก็บไว้ใช้ตอนเกษียณอายุ ผมก็จะแยกไว้เลยซื้อกองทุนทันทีที่เงินเดือนออก และไม่ลืม เอา
เงินสดแบ่งเข้าบัญชีสำรองทุกเดือน เดือนละ 1,000 เผื่อฉุกเฉิน เหลือเท่าไรซื้อหุ้นครับ 
        สุดท้ายนี้อยากฝากเพื่อนๆ ที่ขายของในอินเตอร์เน็ต ว่าทุกคน ขายดีจนเจ๊ง ได้เช่นกันครับ อยากให้ธุรกิจของเพื่อนๆ ขายดี อยากให้เริ่มต้นดีเหมือนผม หรือดีกว่าผม แต่อย่าจบลงแบบผมนะครับ สิ่งที่ผมบอกเล่านี้ มันแค่บทความหนึ่งที่เตือนใจ แต่จะทำได้หรือไม่ อยู่ที่ใจของเพื่อนๆ เองครับ
     
น้องซิ่ง โลกสวย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น