โดยปกติแล้วผมก็ซื้อพวกกองทุนรวมพวกนี้อยู่แล้วครับ แต่วันหนึ่งผมลองไปลงทุนในหุ้นแทนเลยขายกองทุนในประเทศที่เคยซื้อออกไปซื้อหุ้น เมื่อผ่านการลงทุนมาได้ซักพักผมพบว่าหุ้นมันยากกว่าที่ผมคิดครับ ผมอาจพลาดก็ได้ แต่เป้าหมายผมยังคงเดิมครับ คือผมเเบ่งเงินออมพวกนี้ไปในการลงทุน ระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาวครับ แต่วันนี้ขอพูดถึงการออมระยะยาวครับ เพราะผมตั้งใจว่าจะซื้อเพื่อการลงทุนไว้เพื่อใช้ยามเกษียณ จึงลองกลับไปดูกองทุนอีกครั้งเพื่อลงทุนระยะยาวแบบถัวเฉลี่ย ผมจึงลองหากองทุนซักตัวที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาวและคิดว่าเหมาะกับตัว
1. มองหากองทุนที่สามารถซื้อ-ขายได้สะดวก ผมจึงเริ่มพิจารณาจากบัญชีเงินเดือนของผมครับว่าจ่ายผ่านธนาคารไหน เพราะเมื่อเงินเดือนผมออกผมก็สามารถซื้อได้ทันที พอดีงานที่ใหม่ผมผ่านธนาคารกรุงศรีครับ เลยพิจารณาจากธนาคารนี้ก่อน อันนี้ขอเล่าจากประสบการณ์ตรงเนื่องจากมนุษย์เงินเดือนอย่างผมสามารถลงทุนได้ทีละน้อยครับ การที่ต้องซื้อกองทุนต่างธนาคารเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะแน่นอนผมต้องเปิดบัญชีกับต่างธนาคาร การโอนเงินเข้าหรือนำเงินไปฝากเพื่อจะซื้อกองทุนทุกเดือน หลายครั้งทำให้ผมไม่ได้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะโอนเงินไปต่างธนาคารไหนจะค่าโอน จะนำเงินไปฝากเองไหนจะค่าเดินทาง รอไปวันที่สะดวกสุดท้ายไม่ได้ซื้อต่อเนื่อง ฉะนั้นแล้วหากซื้อน้อยๆ แบบผม เอาที่สะดวกเป็นที่ตั้งครับ เพราะในแต่ละธนาคารมีกองทุนที่ดีๆ แตกต่างกันไปครับ น้อยธนาคารมากที่จะบริหารกองทุนแย่ไปซะทุกกอง มันก็มีดีซักกองสิครับลองพิจารณาดู....
2 .เลือกกองทุน เดี๋ยวนี้ในธนาคารต่างๆ มีกองทุนให้เลือกมากมายครับเราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม โดยส่วนตัวอันนี้ผมดูภาพกว้างๆ ก่อนว่าจะลงทุนกัยธุระกิจประเภทไหนดี สำหรับตอนนี้ผมเองลงทุนในหุ้นภายในประเทศอยู่แล้ว จึงอยากลองกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นในต่างประเทศบ้าง จึงเริ่มมองหากองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของต่างประเทศครับ และเจอว่าของกรุงศรีมีกองทุนแนวเฮลธ์แคร์ อยู่ 1 กองนั้นก็คือ KF-HEALTHD จึงได้ศึกษาดูรายละเอียดครับว่าเหมาะกับที่เราจะลงทุนไหม
3. พิจารณารายละเอียดกองทุน
เมื่อเลือกกองทุนได้ซักกองแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการพิจารณารูปแบบของกองทุน
3.1 ประเภทกองทุน : กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ - ลงทุนในตราสารทุน
3.2 นโยบายการจ่ายเงินปันผล : จ่ายไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ของกำไรสุทธิ และ/หรือจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
3.3 กลยุทธ์การลงทุน : ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก JP Morgan Global Healthcare Fund ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจดูแลสุขภาพ อย่างน้อยร้อยละ 67 ของทรัพย์สินของกองทุน
3.4 การรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ทุกวันทำการซื้อขายของกองทุนภายในเวลา 15.30 น. (ไม่รับในกรณีสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก)
3.5 การชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน ภายใน 4 วันทำการ หลังจากวันทำรายการ (T+4)
4. ดูราคาย้อนหลังและการปันผลที่ผ่านมา
ด้านราคาย้อนหลังถือว่าไม่สูงมา (เพราะมีปันผล) แต่ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถือว่าสูงมากครับ นั้นอาจเป็นเพราะปันผลที่ผ่านมา ลองดูปันผลที่ผ่านมาด้วยประกอบ เงินปันผลสูงถึง 1.5 บาท/หน่วย
6. สัดส่วนการลงทุน ตรงนี้สำคัญนะครับ เราควรพิจารณาด้วยครับว่า กองทุนที่เราลงทุนนำเงินไปไปลงทุนนั้นหลักๆ แล้วลงทุนในประเทศไหน มีการกระจายความเสี่ยงอย่างไร ลงทุนในหึ่นกลุ่มไหน และบริษัทที่กองทุนนำเงินไปลงทุนหลักๆ คือบริษัทอะไร โดยตรงนี้เราสามารถศึกษาจาก สรุปสาระสำคัญของกองทุน
ผมใช้หลักการในการคัดเลือกกองทุนประมาณนี้ครับ แต่หากคิดจะลงทุนยาวๆ ควรศึกษาเพิ่มเติมด้านอื่นๆด้วยครับ สำหรับ 5 ข้อด้านบนเป็นเพียงแนวทางครับในการเลือกพิจารณาแบบง่ายๆ ที่สำคัญเราต้องอ่านหนังสือชี้ชวนด้วยนะครับ สำหรับตอนต่อไปผมจะลองมา Review การลงทุนในกองทุน KF-HEALTHD ให้ดูครับ
1. มองหากองทุนที่สามารถซื้อ-ขายได้สะดวก ผมจึงเริ่มพิจารณาจากบัญชีเงินเดือนของผมครับว่าจ่ายผ่านธนาคารไหน เพราะเมื่อเงินเดือนผมออกผมก็สามารถซื้อได้ทันที พอดีงานที่ใหม่ผมผ่านธนาคารกรุงศรีครับ เลยพิจารณาจากธนาคารนี้ก่อน อันนี้ขอเล่าจากประสบการณ์ตรงเนื่องจากมนุษย์เงินเดือนอย่างผมสามารถลงทุนได้ทีละน้อยครับ การที่ต้องซื้อกองทุนต่างธนาคารเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะแน่นอนผมต้องเปิดบัญชีกับต่างธนาคาร การโอนเงินเข้าหรือนำเงินไปฝากเพื่อจะซื้อกองทุนทุกเดือน หลายครั้งทำให้ผมไม่ได้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะโอนเงินไปต่างธนาคารไหนจะค่าโอน จะนำเงินไปฝากเองไหนจะค่าเดินทาง รอไปวันที่สะดวกสุดท้ายไม่ได้ซื้อต่อเนื่อง ฉะนั้นแล้วหากซื้อน้อยๆ แบบผม เอาที่สะดวกเป็นที่ตั้งครับ เพราะในแต่ละธนาคารมีกองทุนที่ดีๆ แตกต่างกันไปครับ น้อยธนาคารมากที่จะบริหารกองทุนแย่ไปซะทุกกอง มันก็มีดีซักกองสิครับลองพิจารณาดู....
2 .เลือกกองทุน เดี๋ยวนี้ในธนาคารต่างๆ มีกองทุนให้เลือกมากมายครับเราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม โดยส่วนตัวอันนี้ผมดูภาพกว้างๆ ก่อนว่าจะลงทุนกัยธุระกิจประเภทไหนดี สำหรับตอนนี้ผมเองลงทุนในหุ้นภายในประเทศอยู่แล้ว จึงอยากลองกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นในต่างประเทศบ้าง จึงเริ่มมองหากองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของต่างประเทศครับ และเจอว่าของกรุงศรีมีกองทุนแนวเฮลธ์แคร์ อยู่ 1 กองนั้นก็คือ KF-HEALTHD จึงได้ศึกษาดูรายละเอียดครับว่าเหมาะกับที่เราจะลงทุนไหม
3. พิจารณารายละเอียดกองทุน
เมื่อเลือกกองทุนได้ซักกองแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการพิจารณารูปแบบของกองทุน
3.1 ประเภทกองทุน : กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ - ลงทุนในตราสารทุน
3.2 นโยบายการจ่ายเงินปันผล : จ่ายไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ของกำไรสุทธิ และ/หรือจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
3.3 กลยุทธ์การลงทุน : ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก JP Morgan Global Healthcare Fund ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจดูแลสุขภาพ อย่างน้อยร้อยละ 67 ของทรัพย์สินของกองทุน
3.4 การรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ทุกวันทำการซื้อขายของกองทุนภายในเวลา 15.30 น. (ไม่รับในกรณีสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก)
3.5 การชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน ภายใน 4 วันทำการ หลังจากวันทำรายการ (T+4)
4. ดูราคาย้อนหลังและการปันผลที่ผ่านมา
ด้านราคาย้อนหลังถือว่าไม่สูงมา (เพราะมีปันผล) แต่ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถือว่าสูงมากครับ นั้นอาจเป็นเพราะปันผลที่ผ่านมา ลองดูปันผลที่ผ่านมาด้วยประกอบ เงินปันผลสูงถึง 1.5 บาท/หน่วย
ราคาและผลตอบแทน KF-HEALTHD |
เงินปันผล KF-HEALTHD |
5. ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมถือว่าแพงครับตามแบบของกองทุน แต่ตัวนี้เป็นกองทุนที่ไปซื้อกองทุนในต่างประเทศอีกที แต่เดี๋ยวผมจะเทียบให้ดูครับว่ากองทุนตัวนี้ซื้อซักเดือนละ 2,000 บาทนี้ค่าธรรมเนียมเท่าไรกัน
ค่าธรรมเนียม KF-HEALTHD |
สัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลัก KF-HEALTHD |
ไส้อ่อนหมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น