4. แบบมีเงินได้ประจำ (Annuity) เป็นแบบประกันที่มีมูลค่าเงินสดครับ โดยจะมีการเก็บเบี้ยประกันมาเป็นระยะค่อย ๆ สะสม เพื่อเพิ่มพูนมูลค่าเงินสดไปเรื่อย ๆ พอได้เงินก้อนใหญ่แล้ว บริษัทจะทยอยจ่ายคืนลูกค้าเป็นงวด ๆ ครับ เช่น จ่ายคืนเป็นรายเดือน รายปี หรือราย 3 ปีเป็นต้น เงินที่บริษัทคืน เรียกว่า เงินได้ประจำ (Annuity) เสมือนหนึ่งที่เราเก็บเงินสะสมมาเป็นบำนาญให้แก่ตัวเอง เมื่อเกษียณอายุการคำนวณเบี้ยประกันแบบเงินได้ประจำ ไม่เหมือนกับการคิดเบี้ยประกันของการประกันชีวิตบริษัทจะต้องใช้อีกอัตราสำหรับแบบประกันแบบนี้โดยเฉพาะ โดยพิจารณาทั้งอายุและเพศมาคานวณเพราะเพศหญิงอายุยืนกว่าเพศชาย จึงมีโอกาสรับเงินบานาญนานกว่าเพศชาย
สำหรับระยะเวลาในการจ่ายจะนานกี่ปีนั้น ขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามเงื่อนไข สำหรับข้อดีของกรมธรรม์คือ เราสามารถหมั่นใจได้ว่าหลังเกษียณจะมีเงินได้อย่างสมำเสมอทุกเดือน หรือทุกปี (ส่วนใหญ่จ่ายเป็นรายปี) ในระยะเวลาหนึ่ง เช่น 10 ปี 15 ปี เป็นต้น โดยเราไม่ต้องกำกับดูแลเงินก้อน หากไม่มีวินัยด้านการใช้จ่ายก็อาจหมดก่อน หรือถูกลูกหลานหยิบยืม
ข้อเสียคือ ไม่มีโอกาสหาผลประโยชน์จากเงินก้อนใหญ่ ซึ่งอาจสร้างรายได้มากขึ้นครับ เหมาะสำหรับผู้ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยในการออมและการใช้เงิน และประเภทใจอ่อน เพราะการรับเป็นงวดจะทำให้เราได้รับเงินสม่ำเสมอทุกปีเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
สรุปว่าเราก็ได้ทราบคราวๆ แล้วนะครับว่าประเภทของประกันท้้ง 4 รูปแบบ พออ่านถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะยังตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเลือกแบบไหนที่เหมาะกับเรา ฉะนั้นแล้วเราต้องพิจารณาด้วยเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วยครับ เช่น งบที่เราสามารถจะนำมาจ่ายเบี้ยประกันได้ อันนี้ควรเลือกให้จ่ายได้แต่พอเหมาะนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการส่งเบี้ยประกันไม่ไหวในภายหลัง และความจำเป็นของเราจริงๆ ว่าเราต้องการทำประกันชีวิตเพราะสาเหตุอะไร เช่น หากเราวางแผนว่าจะโสด หรือหากเป็นคนมีครอบครัวและเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็ควรเลือกให้เหมาะสมครับ ฉะนั้นแล้วเราต้องทราบความต้องการของตัวเองก่อนครับ ถึงจะเลือกรูปแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมกับเราได้ครับ
สำหรับระยะเวลาในการจ่ายจะนานกี่ปีนั้น ขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามเงื่อนไข สำหรับข้อดีของกรมธรรม์คือ เราสามารถหมั่นใจได้ว่าหลังเกษียณจะมีเงินได้อย่างสมำเสมอทุกเดือน หรือทุกปี (ส่วนใหญ่จ่ายเป็นรายปี) ในระยะเวลาหนึ่ง เช่น 10 ปี 15 ปี เป็นต้น โดยเราไม่ต้องกำกับดูแลเงินก้อน หากไม่มีวินัยด้านการใช้จ่ายก็อาจหมดก่อน หรือถูกลูกหลานหยิบยืม
ข้อเสียคือ ไม่มีโอกาสหาผลประโยชน์จากเงินก้อนใหญ่ ซึ่งอาจสร้างรายได้มากขึ้นครับ เหมาะสำหรับผู้ไม่ค่อยมีระเบียบวินัยในการออมและการใช้เงิน และประเภทใจอ่อน เพราะการรับเป็นงวดจะทำให้เราได้รับเงินสม่ำเสมอทุกปีเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
สรุปว่าเราก็ได้ทราบคราวๆ แล้วนะครับว่าประเภทของประกันท้้ง 4 รูปแบบ พออ่านถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะยังตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเลือกแบบไหนที่เหมาะกับเรา ฉะนั้นแล้วเราต้องพิจารณาด้วยเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วยครับ เช่น งบที่เราสามารถจะนำมาจ่ายเบี้ยประกันได้ อันนี้ควรเลือกให้จ่ายได้แต่พอเหมาะนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการส่งเบี้ยประกันไม่ไหวในภายหลัง และความจำเป็นของเราจริงๆ ว่าเราต้องการทำประกันชีวิตเพราะสาเหตุอะไร เช่น หากเราวางแผนว่าจะโสด หรือหากเป็นคนมีครอบครัวและเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็ควรเลือกให้เหมาะสมครับ ฉะนั้นแล้วเราต้องทราบความต้องการของตัวเองก่อนครับ ถึงจะเลือกรูปแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมกับเราได้ครับ
ไส้อ่อนหมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น